ด้วยความรู้เท่าไม่ถึงการณ์และความอยากได้สถานะสัญชาติไทย นางอานุ่ม ยูรึ จึงเคยตกเป็นเหยื่อของกลุ่มขบวนการแสวงหาประโยชน์ ที่อ้างตนว่ามาจากองค์กรสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (ภาคพลเมือง) เข้ามาชักชวนให้ชาวบ้านทำบัตร “บัตรแสดงตนสมาชิกวิสามัญ ของ อ.ส.ม.ช.” โดยชักจูงให้หลงเชื่อว่าบัตรที่ชาวบ้านจะได้รับ สามารถเดินทางออกพื้นที่ได้โดยไม่ต้องขออนุญาต ทำให้ชาวบ้านและนางอานุ่ม จำนวนกว่า 50 ราย ได้หลงเชื่อ เสียเงินให้กับกลุ่มขบวนการเหล่านี้ รายละ 2,000-3,000 บาท จากเหตุการณ์ครั้งนั้นทำให้ นางอานุ่ม ไม่กล้าเชื่อใครง่ายๆ อีกต่อไปและยังคงจดจำไว้เป็นบทเรียน เพราะหลังจากเสียเงินไปบัตรที่ได้มาก็ไม่มีผลใด ๆ ตามที่องค์กรสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (ภาคพลเมือง) กล่าวอ้างตามสรรพคุณของบัตรที่ตนและชาวบ้านรายอื่น ๆ ถือครองอยู่ การเดินทางไปไหนมาไหนก็ต้องขออนุญาตเหมือนเดิม ซ้ำร้ายเมื่อตรวจสอบบัตรที่ตนถือก็ไม่มีผลใดๆที่จะกล่าวอ้างกับทางราชการได้เลย ตนและชาวบ้านต้องตกเป็นเหยื่อเพราะการหลงเชื่อในครั้งนี้
เพราะไม่อยากให้ใครตกอยู่สภาพเดียวกับเธอ เธอจึงตัดสินใจให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ DSI และมีโอกาสได้พบกับเจ้าหน้าที่มูลนิธิกระจกเงา ที่ทำงานด้านสิทธิและสถานะบุคคล
ต่อมานางอานุ่มพร้อมสามีได้เดินทางมามูลนิธิกระจกเงา เพื่อขอคำปรึกษาในการคลี่คลายปมปัญหาสถานะที่ประสบมาแสนนาน การเดินทางมาวันนี้เธอได้รู้ว่าคนต่างด้าวอย่างเธอก็สามารถมีสิทธิขอสัญชาติไทยได้ ในรูปแบบขอถือสัญชาติไทยตามสามี ซึ่งนับว่าโชคดีที่เธอมีสามีเป็นคนสัญชาติไทยโดยการเกิด ตามระเบียบ สำนักงานทะเบียนกลางว่าด้วยการพิจารณาลงรายการสถานะบุคคลในทะเบียนราษฎรให้แก่บุคคลบนพื้นที่สูง พ.ศ.2543 เราจึงแนะนำให้นางอานุ่มไปติดต่อยื่นคำร้อง ณ สำนักทะเบียนอำเภอเมืองเชียงราย ปรากฎว่าเจ้าหน้าที่อำเภอไม่กล้ารับคำร้อง เพราะไม่เคยพบเจอกรณีดังกล่าว นายยุทธชัย จะจู เจ้าหน้าที่โครงการ ฯ มูลนิธิกระจกเงา จึงได้โทรศัพท์หารือกับ นายสนั่น ราชตา เจ้าพนักงานปฏิบัติการจังหวัด จึงทำให้ทราบว่ากรณีนางอานุ่ม สามารถยื่นคำร้อง ฯ ได้ หากเป็นกรณีที่ถือบัตรประจำตัวคนซึ่งไม่มีสัญชาติไทย จำนวน 20 กลุ่ม ตามแนวทางประกอบการใช้ดุลพินิจของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยตามมาตรา ๙ มาตรา ๑๐ มาตรา ๑๑ และมาตรา ๑๒ แห่งพระราชบัญญัติสัญชาติ พ.ศ. ๒๕๐๘ แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติสัญชาติ (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๕๑ ที่ว่า
“ ก. กรณีขอถือสัญชาติไทยตามสามี ตามมาตรา ๙ แห่งพระราชบัญญัติสัญชาติ พ.ศ. ๒๕๐๘
๑. ผู้ยื่นคำขอจะต้องมีภูมิลำเนาอยู่ในประเทศไทยและมีชื่อในทะเบียนบ้าน (ท.ร.๑๓หรือ ท.ร.๑๔)
๒. ผู้ยื่นคำขอจะต้องจดทะเบียนสมรสกับชายไทยถูกต้องตามกฎหมายมาไม่น้อยกว่า ๓ ปี นับถึงวันที่ยื่นคำขอ ส่วนกรณีมีบุตรกับคู่สมรสซึ่งเป็นชายไทย จะต้องจดทะเบียนสมรสถูกต้องตาม กฎหมายมาไม่น้อยกว่า ๑ ปี
๓. สามีผู้ยื่นคำขอจะต้องมีอาชีพเป็นหลักฐาน หรือมีรายได้พอเลี้ยงครอบครัว
๓.๑ ผู้ยื่นคำขอเป็นคนต่างด้าวทั่วไป สามีผู้ยื่นคำขอจะต้องมีอาชีพเป็นหลักฐาน โดยมีรายได้ไม่ต่ำกว่า ๒๐,๐๐๐ บาท/เดือน หรือสามีผู้ยื่นคำขอจะต้องมีรายได้เฉลี่ยเดือนละ ๒๐,๐๐๐ บาท
ทั้งนี้จะต้องแสดงหนังสือรับรองเงินเดือน/รายได้ และแสดงหลักฐานการเสียภาษีเงินได้ในประเทศไทยในรายปีที่ผ่านมาต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ และในกรณีที่ผู้ยื่นคำขอประกอบอาชีพ ต้องแสดงหนังสือรับรอง
การประกอบอาชีพจากสำนักบริหารแรงงานต่างด้าว หรือสำนักจัดหางาน จังหวัด โดยสามารถนำ รายได้ของตนไปรวมกับรายได้ของสามีเพื่อให้ถึงตามเกณฑ์ที่กำหนดข้างต้น โดยแสดงหนังสือรับรองเงินเดือน /รายได้ และหลักฐานการเสียภาษีเงินได้ในประเทศ ไทยในราบปีที่ผ่านมาต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ด้วย
๓.๒ ผู้ยื่นคำขอเป็นคนต่างด้าวซึ่งเป็นชนกลุ่มน้อย สามีผู้ยื่นคำขอจะต้องมีอาชีพเป็นหลักฐานโดยมีรายได้ไม่ต่ำกว่า ๑๐,๐๐๐ บาท/เดือน หรือสามีผู้ยื่นคำขอจะต้องมีรายได้เฉลี่ยเดือนละ ๑๐,๐๐๐ บาท ทั้งนี้จะต้องแสดงหนังสือรับรองเงินเดือน /รายได้ และแสดงหลักฐานการเสียภาษีเงินได้
ในประเทศไทยในรอบปีที่ผ่านมาต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ และในกรณีที่ผู้ยื่นคำขอประกอบอาชีพ ต้องแสดงหนังสือรับรองการประกอบอาชีพจากสำนักบริหารแรงงานต่างด้าวหรือสำนักจัดหางานจังหวัดโดยสามารถนำรายได้ของตนไปรวมกับรายได้ของสามี เพื่อให้ถึงตามเกณฑ์ที่กำหนดข้างต้น โดยแสดงหนังสือรับรองเงินเดือน /รายได้และหลักฐานการเสียภาษีเงินได้ในประเทศไทยในรอบปีที่ผ่านมาต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ด้วย
๔. ผู้ยื่นคำขอจะต้องผ่านการตรวจสอบสถานภาพการสมรสและประวัติจากหน่วย งานที่เกี่ยวข้อง ดังนี้
๔.๑ ตรวจสอบสถานภาพการสมรสจากสำนักบริหารการทะเบียน กรมการปกครอง
๔.๒ ตรวจสอบประวัติอาชญากรรม (โดยพิมพ์ลายนิ้วมือส่งตรวจสอบ ) จากกองทะเบียนประวัติอาชญากร
๔.๓ ตรวจสอบพฤติการณ์บุคคลและทางการเมืองจากกองบัญชาการตำรวจสันติบาล
๔.๔ ตรวจสอบพฤติการณ์ที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติดให้โทษจากกองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด และสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด
๔.๕ ตรวจสอบพฤติการณ์เกี่ยวกับความมั่นคงของชาติจากสำนักข่าวกรองแห่งชาติ
๔.๖ ตรวจสอบหมายจับจากกองการต่างประเทศ ส านักงานตำรวจแห่งชาติ
๕. ผู้ยื่นคำขอและคู่สมรสจะต้องไม่จดทะเบียนสมรสโดยปกปิดข้อเท็จจริงและต้องผ่านการสัมภาษณ์เพื่อสอบถามเจตนารมณ์ และสังเกตพฤติการณ์ของคู่สมรส จาก
๕.๑ กรณีผู้ยื่นคำขอเป็นคนต่างด้าวทั่วไป หรือเป็นคนต่างด้าวซึ่งเป็นชนกลุ่มน้อยที่มีภูมิลำเนาในกรุงเทพฯ ให้ผ่านการสัมภาษณ์จากคณะอนุกรรมการกลั่นกรองการขอแปลงสัญชาติเป็นไทย การขอถือสัญชาติไทยตามสามีและการขอกลับคืนสัญชาติไทย ตามคำสั่งคณะกรรมการกลั่นกรองเกี่ยวกับสัญชาติ ที่ ๒/๒๕๕๒ ลงวันที่ ๒๐ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๒
๕.๒ กรณีผู้ยื่นคำขอเป็นคนต่างด้าวทั่วไป หรือเป็นคนต่างด้าวซึ่งเป็นชนกลุ่มน้อยและมีภูมิลำเนาในต่างจังหวัด ให้ผ่านการสัมภาษณ์จากคณะทำงานสัมภาษณ์ สังเกตพฤติการณ์ และทดสอบความรู้ภาษาไทยแก่ผู้ยื่นคำขอที่มีภูมิลำเนาในต่างจังหวัด ตามคำสั่งคณะอนุกรรมการกลั่นกรองการขอแปลงสัญชาติเป็นไทย การขอถือสัญชาติไทยตามสามี และการขอกลับคืนสัญชาติไทยที่ ๑/๒๕๕๒ ลงวันที่ ๑๗ ธันวาคม ๒๕๕๒
๕.๓ กรณียื่นคำขอต่อพนักงานทูตหรือกงสุลในต่างประเทศ ให้ผ่านการสัมภาษณ์และสังเกตพฤติการณ์จากคณะทำงานในต่างประเทศ ตามคำสั่งคณะอนุกรรมการกลั่นกรองการขอแปลงสัญชาติเป็นไทยการขอถือสัญชาติไทยตามสามี และการขอกลับคืนสัญชาติไทย ที่ ๑/๒๕๕๓ ลงวันที่ ๑๒ มกราคา ๒๕๕๓
๖. เมื่อผู้ยื่นคำขอได้รับอนุญาตให้ได้สัญชาติไทยแล้ว กรณีประเทศของผู้ยื่นคำขอมีสถานทูตหรือสถานกงสุลตั้งอยู่ในประเทศไท ย ให้กระทรวงมหาดไทยแจ้งเรื่องการได้สัญชาติไทยให้สถานทูตหรือสถานกงสุลแห่งประเทศของผู้ยื่นคำขอทราบเกี่ยวกับการได้สัญชาติไทย ส่วนกรณีประเทศของผู้ยื่นคำขอไม่มีสถานทูตหรือสถานกงสุลตั้งอยู่ในประเทศไทย ให้กระทรวงมหาดไทยแจ้งกระทรวงการต่างประเทศดำเนินการแจ้งไปยังประเทศของผู้ยื่นคำขอเกี่ยวกับการได้สัญชาติไทยดังกล่าว
เมื่อทำความเข้าใจในหลักการปฏิบัติ ทางเจ้าหน้าที่จึงได้ทำการรับคำร้องของนางอานุ่ม อยู่รึเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
Wed, 03/18/2015