ประสานรัฐบาลอินโดช่วยเหยื่อลูกเรือประมงไทย “อดุลย์”ระดมทีม-ให้ดีเอสไอร่วมทำคดี เผยมีเด็กอายุต่ำกว่า 15 ปี-วอนขอปัจจัยสี่ด่วน

เมื่อวันที่ 19 มีนาคม 2558 ที่กระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์(พม.)พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว รัฐมนตรีพม. ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีมีลูกเรือประมงไทยจำนวนมากตกทุกข์ได้ยากอยู่ที่เกาะอัมบนในหมู่เกาะโมลุกกะ ประเทศอินโดนีเซีย เนื่องจากถูกหลอกและถูกบังคับไปทำงานในเรือประมงว่า ตนได้กำชับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ติดตามตรวจสอบข้อมูลเพิ่มเติมให้แน่ชัดถึงจำนวนแรงงานที่ตกเป็นเหยื่อและติดค้างอยู่ที่เกาะอัมบน โดยขณะนี้ได้มอบหมายให้ปลัดพม. ดำเนินการประสานกระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงแรงงาน และกรมสอบสวนคดีพิเศษหรือดีเอสไอ เพื่อหารือถึงแนวทางการช่วยเหลือเยียวยาและดำเนินคดีเอาผิดต่อนายจ้าง
รัฐมนตรีพม.กล่าวว่า ในเบื้องต้นที่ได้รับรายงานจากเจ้าหน้าที่มูลนิธิเครือข่ายส่งเสริมคุณภาพชีวิตแรงงาน หรือ LPN ที่ได้ลงพื้นที่ช่วยเหลือแรงงานไทยในอินโดนีเซีย พบว่ามีแรงงานที่ตกค้างอยู่ถึง 500-600 คน ซึ่งทางรัฐบาลไทยจะเร่งประสานทางการอินโดฯ เพื่อช่วยดำเนินการตรวจสอบข้อมูลจำนวนคนไทยตกค้างให้แน่ชัดและช่วยเหลือส่งกลับประเทศไทยอย่างเร่งด่วน ส่วนเหยื่อที่เป็นชาวต่างชาติ พม่า ลาว กัมพูชานั้น จะช่วยประสานไปยังสถานทูตของแต่ละประจำประเทศในประเทศไทยให้ดำเนินการช่วยเหลือต่อไป
“หาก LPN หรือทางการอินโดฯ ต้องการให้รัฐบาลไทยส่งทีมเข้าไปสำรวจและช่วยเหลือแรงงาน เราก็พร้อมที่จะส่งทีมเฉพาะกิจไปช่วยตรวจสอบ พร้อมทั้งส่งทีมแพทย์ที่จะไปช่วยดูแลสุขภาพของแรงงานที่ป่วยอยู่ที่นั่น ปัญหาการค้ามนุษย์ถือเป็นเรื่องสำคัญที่รัฐบาลให้ความสนใจ หลังจากรัฐบาลได้เข้ามาดำเนินการจัดระเบียบแรงงานทำให้ปัญหานี้เบาบางลง” พล.ต.อ.อดุลย์ กล่าว
รัฐมนตรีพม.กล่าวว่า ในปีที่แล้ว ได้มีการจับกุมนายจ้างหรือเจ้าของเรือ 5 ครั้ง ช่วยเหลือลูกเรือที่ถูกหลอกไปทำงานและตกค้างได้ถึง 40 คน แต่เป็นกรณีเหยื่อที่ตกค้างมานาน ไม่ใช่กรณีที่เกิดขึ้นใหม่ โดยในขณะนี้รัฐบาลกำลังเร่งผลักดันให้เกิดการแก้กฎหมายคุ้มครองแรงงานให้ดีขึ้น ซึ่งกำลังพิจารณาในสภา วาระ 2 เพื่อให้มีมาตรการป้องกันการค้ามนุษย์ที่มีประสิทธิภาพ และคุ้มครองผู้แจ้งเบาะแส รวมถึงเจ้าหน้าที่ดำเนินการช่วยเหลือ ซึ่งจะช่วยป้องกันปัญหา และดำเนินคดีถึงต้นตอได้มากขึ้น
ขณะเดียวกันที่ประเทศอินโดนีเซียในช่วงบ่ายวันเดียวกัน น.ส.ปฏิมา ตั้งปรัชญากูล ผู้จัดการ LPN ได้ประสานกับสำนักงานตำรวจตรวจคนเข้าเมือง แผนกสิทธิมนุษยชน เกาะอัมบน เพื่อขอนำแรงงานไทย 13 คนเข้าพักที่ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง(ตม.)เพิ่ม หลังทราบว่ามีการส่งแรงงานพม่ากลับไปแล้วทำให้มีห้องว่าง ซึ่งจนถึงขณะนี้มีคนไทยอยู่ในการดูแลของตม.แล้ว 23 คน ส่วนแรงงานกัมพูชามี 5 คน พม่า 5 คน และลาว 2 คน ซึ่งมีเด็กไทยและลาวที่ถูกหลอกมาทำงานตั้งแต่อายุ 13 จำนวน 2 คน รวมแรงงานเพื่อนบ้าน 12 คน ยังอยู่ในที่พักชั่วคราวที่ชาวอินโดนีเซียให้การช่วยเหลือรวม 45 คน
น.ส.ปฏิมากล่าวว่า การช่วยเหลือแรงงานไทยที่เกาะอัมบน ทางมูลนิธิฯ ได้ลงพื้นที่ตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2557 สามารถช่วยเหลือแรงงานไทยกลับบ้านได้แล้ว 6 ชุด รวม 61 คน เป็นแรงงานเด็กอายุไม่ถึง 15 ปี 2 คน แต่ยังมีแรงงานต้องการกลับบ้านจำนวนมาก ทำให้มูลนิธิฯ ต้องลงพื้นที่อย่างต่อเนื่อง เนื่องจากขั้นตอนของรัฐจะดำเนินการหลังทางมูลนิธินำตัวแรงงานที่ขอความช่วยเหลือ มาบันทึกประวัติเพื่อส่งรายชื่อสำนักงานตำรวจตรวจคนเข้าเมือง อินโดนีเซีย แผนกสิทธิมนุษยชน เกาะอัมบน ทาง ตม.อินโดนีเซียจะตรวจสถานะบุคคล บันทึกประวัติเป็นผู้ประสบปัญหาจากเรือประมง ก่อนจะส่งรายชื่อให้สถานทูตไทยประจำอินโดนีเซียดำเนินการส่งกลับไทย ซึ่งที่ผ่านมาทางสถานทูตไทย ณ กรุงจาการ์ตาได้ช่วยเหลือเรื่องเอกสารและการเดินทางกลับเมื่อถึงไทย ขณะที่พม.ต้องรอรับตัวไปคัดแยก หากเป็นเหยื่อจากการค้ามนุษย์ ก็จะนำเงินกองทุนการค้ามนุษย์มาจ่ายค่าตั๋วเครื่องบินให้ ถ้าไม่ใช่เหยื่อก็ต้องใช้หนี้คืนรัฐ
“โชคดีว่าตม.อินโดนีเซียมีแผนกสิทธิมนุษยชน Human Rights ที่ทำงานด้วยหลักมนุษยธรรม และเขารู้ปัญหานี้ดี ว่าแรงงานเหล่านี้ถูกปลอมชื่อ ปลอมเอกสาร seaman book หนังสือคนประจำเรือ เมื่อตกเรือก็จะไม่มีเอกสารอะไร เขาจึงช่วยเหลือ แต่ปัญหาคือ ตม.อินโดฯ จะรับได้ครั้งละ 10 คน เพราะห้องมีจำกัด และงบประมาณน้อย ทำให้เราต้องช่วยค่าอาหาร ต้องใช้เงินค่าอาหารคนละ 45,000 rp.id. หรือ 150 บาท ต่อวัน : คน และต้องอยู่ที่นี่ประมาณ 2 อาทิตย์ จึงอยากให้รัฐช่วยดำเนินการอย่างเร่งด่วน โดยเฉพาะค่าอาหาร เสื้อผ้า ปัจจัย 4 เพราะพวกเขาไม่มีเงิน และบางคนเมื่อหนีจากเรือมาอยู่บนฝั่งก็กลายเป็นคนผี ต้องเร่ร่อน บางคนก็บาดเจ็บ พิการ และบางรายถูกฝังเป็นศพไร้ญาติ จึงอยากให้รัฐจัดชุดเฉพาะกิจมาช่วยเหลือด่วน” น.ส.ปฎิมา กล่าว
Fri, 03/20/2015
Copyright © 2018. All rights reserved.