ตรวจ DNA ข้อพิสูจน์สถานะเป็น “คนไทย”

หลายๆคน….ที่ยังตกอยู่ในสภาพ ไร้สถานะความเป็น “คนไทย” และยังมีคนไทยอยู่อีกมากมาย ที่ยังไม่มีสถานะ ยังไม่กล้าที่ออกมาใช้ชีวิตข้างนอก อีกทั้งยังไม่กล้าเปิดเผยตัวตนจริงๆ เพราะกลัวถูกจับ บางคนเล่าว่าถูกส่งตัวไปยังประเทศเพื่อนบ้านก็มี เสียงเล็กๆหลายๆเสียงที่สะท้อนฝากมาบอกว่า ไม่มีงานที่ดีๆทำ ถูกย่ำยี ถูกเหยียดหยามศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ เสียงที่เล็ดรอดออกมาว่าบางบริษัทให้ไปทำใบแรงงานต่างด้าวมาก่อนก็มี ทั้งๆที่ตนเองเป็นคนไทยแท้ๆ แต่สถานะต้องกลายเป็นคนต่างด้าว “แม่ฉันเป็นคนไทยนะ” เป็นเสียงสะท้อนความในใจของผู้ประสบปัญหา

ก่อนอื่น….ใครบ้างไม่อยากมีสถานะเป็น “คนไทย” แล้วมีใครเห็นใจเธอบ้าง เพราะการที่จะได้สถานะเป็น คนไทย นั้นไม่ใช่เรื่องง่ายๆ และก็ไม่ใช่เรื่องยาก แต่ก็ขึ้นอยู่กับพยานหลักฐานที่ค้นหามา เพียงแค่เราหา…ข้อเท็จจริง

คุณเกิดที่ไหน? มีพยานรู้เห็นการเกิด? หลักฐานเอกสารการศึกษา พยานบุคคล เจ้าหน้าที่ข้าราชการที่เกี่ยวข้อง และผลตรวจ DNA เพื่อใช้พิสูจน์ข้อเท็จจริง

ยังมีอีกหลายๆเสียงที่ยังรอการพิสูจน์สัญชาติไทย และก็มีอีกหลายๆคนที่ได้รับการพิสูจน์ความเป็น “คนไทย” โดยสมบูรณ์ ได้ฝากขอบคุณมายัง โครงการสถานีสัญชาติ มูลนิธิสร้างสรรค์เด็ก ที่ทำให้เขาได้มีวันนี้ มีสิทธิความเป็นคนไทย สิทธิรักษาพยาบาล สิทธิเบี้ยยังชีพ และสิทธิคนพิการ ฯลฯ

วันนี้ ๕ พฤษภาคม ๒๕๕๘ นางสะล่า จะแตะ เดินทางมาปรึกษากับศูนย์ข่าวคนไร้รัฐ เกี่ยวกับเรื่องราวของมารดาที่ยังไร้สัญชาติจนปัจจุบันนางสะล่าเล่าว่า แม่ชื่อนางนาทอ จะแตะ ถือบัตรประจำตัวบุคคลซึ่งไม่มีสัญชาติไทย หัว ๖ ได้ตรวจ DNA กับนางแอเหล่ จะโบ ผู้เป็นยาย ที่มีสัญชาติไทย ถือบัตรเลข ๕ เมื่อประมาณปี ๒๕๕๔ และได้ยื่นคำร้องขอเพิ่มชื่อที่อำเภอแม่ฟ้าหลวง มาแล้วถึง ๓ ครั้ง จนบัดนี้ผู้เป็นยายเสียชีวิตไปแล้ว วันนี้ครบขวบปีพอดีสำหรับการจากไปของผู้เป็นยาย ที่จะเป็นหลักยืนยันให้นางแอแหล่ผู้เป็นแม่ได้สัญชาติไทย ความหวังที่มีเริ่มสิ้นแสง เพราะขณะยายยังมีชีวิต นางสะล่าได้ติดตามคำร้องขอเพิ่มชื่อในทะเบียนบ้านเรื่อยมา แต่ก็โดนปฏิเสธจากอำเภอแม่ฟ้าหลวงทุกครั้งเช่นกัน หนึ่งคำที่ได้ยินทุกครั้งคือคำว่า “รอ”

การรอคอยที่ครอบครัวนางสะล่ารอคอย รอจนผู้เป็นยายเสียชีวิตแต่ทิศทางการได้สัญชาติยังไม่เดินหน้า ความยากเข็ญเรื่องการได้มาซึ่งสัญชาติเริ่มยากขึ้น มีหลาย ๆ คนที่เสนอยื่นมือเข้ามาช่วยแต่การช่วยไม่มีใครหรอกที่จะช่วยโดยไม่หวังสิ่งใด นางสะล่าเล่าว่าครอบครัวของเขาต้องสูญเสียเงินไปแล้ว หลายหมื่นบาทเพราะการหลงเชื่อคำคน หลงเชื่อว่าจะเขาจะช่วย คำตอบของการช่วยเหลือจากผู้หวังดีประสงค์ร้ายเหล่านั้นคือการสูญเงินเปล่าอย่างไร้คำตอบใด ๆ

Fri, 05/08/2015
Copyright © 2018. All rights reserved.