ไร้สัญชาติ และติดเชื้อเอชไอวี:สิทธิแห่งความเป็นมนุษย์ที่กำลังจะสูญสิ้น

จากการลงพื้นที่อำเภอเชียง ของ จังหวัดเชียงราย ของเราทีมงานโครงการพัฒนาสถานภาพและคุ้มครองสิทธิเด็กไร้รัฐและไร้สัญชาติใน ประเทศไทย มูลนิธิกระจกเงา โดยวัตถุประสงค์ในการลงพื้นที่ครั้งนี้คือการพบปะพูดคุยเพื่อทำความเข้าใจ ถึงปัญหาและเก็บรวบรวมข้อมูลของพี่น้องสมาชิกกลุ่มอุ่นไอรักซึ่งเป็นกลุ่ม ผู้ติดเชื้อเอชไอวี ในอำเภอเชียงของ คำถามคืองานรณรงค์เพื่อพิทักษ์สิทธิในสัญชาติของบุคคลมีความเกี่ยวข้องในแง่ ใดต่อกลุ่มผู้ติดเชื้อเอชไอวี คำตอบที่ได้ก็คือสมาชิกหลายคนในกลุ่มอุ่นไอรักนี้เป็นผู้ติดเชื้อเอชไอวีที่ ไร้สัญชาตินั่นเอง สิ่งที่ทำให้ทีมงานเราต้องแปลกใจและสลดใจอย่างที่สุดคือ สิทธิสัญชาติไทยไม่ใช่สิ่งคนกลุ่มนี้ต้องการที่สุด แต่สิ่งที่พวกเขาต้องการที่สุดคือสิทธิที่จะมีชีวิตอยู่
นโยบายพรากชีวิต : จากคำบอกกล่าวที่พวกเราได้รับจากสมาชิกกลุ่มอุ่น ไอรักคือ รัฐบาลโดยกระทรวงสาธารณสุขมีแนวโน้มที่จะมีนโยบายโอนยาต้านเชื้อเอชไอวีเข้า สู่โครงการสามสิบบาทรักษาทุกโรคซึ่งผู้ที่จะมีสิทธิรับยาในโครงการสามสิบบาท รักษาทุกโรคคือผู้มีบัตรประชาชนดังนั้นจึงต้องเป็นผู้มีสัญชาติไทยเท่านั้น ด้วยเหตุนี้ผลที่จะตามมาหากรัฐบาลผ่านนโยบายนี้ออกมาบังคับใช้คือ กลุ่มผู้ติดเชื้อเอชไอวีที่ไม่มีสัญชาติไทยก็จะไม่มีสิทธิรับยาต้านเชื้อเอ ชไววีจากรัฐอีกต่อไปหรือมิเช่นนั้นก็ต้องเสียค่ายาซึ่งเป็นที่ทราบกันดีว่า ยาต้านเชื้อเอชไอวีนี้มีราคาสูงมาก เพราะแต่ละครั้งในการรับยานั้นต้องเสียค่าใช้จ่ายไม่ต่ำกว่า 1200 บาท และผู้ติดเชื้อก็ไม่มีทางเลือกอื่นใดในการที่จะมีชีวิตอยู่นอกเสียจากต้อง รับประทานยาต้านเชื้อเอชไอวีนี้ไปตลอดชีวิต เงินจำนวนนี้เมื่อเปรียบเทียบกับรายได้ของกลุ่มผู้ติดเชื้อเอชไอวีซึ่งไร้ สัญชาติกลุ่มนี้ซึ่งมีรายได้เฉลี่ยวันละไม่ถึง 100 บาทแล้วนั้นนับเป็นค่าใช้จ่ายที่ไม่อาจจะแบกรับภาระไหว ประกอบกับอุปสรรคต่าง ๆ ที่เป็นเหตุมาจากสถานะไร้สัญชาติเช่นการที่บุคคลไร้สัญชาติผู้ถือบัตรสีต่าง ๆ ไม่สามารถออกนอกพื้นที่ได้ หรือการมีสถานะเป็นคนต่างด้าวที่อาจถูกทางการจับกุมดำเนินคดีได้ทุกเมื่อ อีกทั้งสภาพร่างกายที่ที่อ่อนแอจากโรคแทรกซ้อนต่าง ๆ ที่รุมเร้าแล้วนั้นทำให้แทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่กลุ่มผู้ติดเชื้อซึ่งไร้ สัญชาติเหล่านี้จะสามารถหาเงินมาจ่ายค่ายาจำนวนนี้ได้
จากที่ก่อนหน้านี้ผู้ติดเชื้อเอชไอวีทุกคนไม่ว่าจะมี สัญชาติไทยหรือไม่มีสิทธิได้รับยาต้านเชื้อเอชไอวีนี้จากโครงการNAPHAซึ่ง เป็นโครงการของโรงพยาบาลประจำอำเภอเชียงของที่จ่ายยาต้านเชื้อให้กับผู้ติด เชื้อทุกคนโดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายเนื่องจากเป็นงบประมานในการดูแลผู้ติด เชื้อเอชไอวีที่ได้รับจากรัฐ แต่ ณ ปัจจุบันนี้ด้วยความไม่แน่นอนของทางนโยบายของรัฐในการที่จะโอนยาต้านเชื้อเอ ชไอวีเข้าสู่โครงการสามสิบบาทรักษาทุกโรคดังที่ได้กล่าวมาแล้วข้างต้นทำให้ เกิดความไม่แน่นอนต่อการดำเนินงานโครงการNAPHAของทางโรงพยาบาลจึงทำให้ทาง โรงพยาบาลตัดสินใจหยุดจ่ายยาต้านเชื้อให้กับผู้ป่วยใหม่ซึ่งไม่เคยเข้ารับยา จากโครงการNAPHAมาก่อนและเป็นบุคคลไร้สัญชาติ สำหรับผู้ป่วยเดิมทุกคนที่เข้าร่วมโครงการอยู่แล้วนั้นยังคงสามารถรับยาได้ จนกว่าจะเสร็จสิ้นโครงการในเดือนกันยายนนี้ คงเหลือแต่เพียงผู้ติดเชื้อเอชไอวีซึ่งมีสัญชาติไทยเท่านั้นที่จะสามารถมี สิทธิรับยาได้ต่อไปภายใต้โครงการสามสิบบาทรักษาทุกโรค แล้วชีวิตของกลุ่มผู้ติดเชื้อที่เหลือซึ่งไม่มีสัญชาติไทยเล่า จำต้องสิ้นไปพร้อมกับโครงการเช่นนั้นหรือ
ยอมตายเพราะหมดแล้วซึ่ง ความหวัง : ทางทีมงานได้มีโอกาส สัมภาษณ์พูดคุยใกล้ชิดกับสมาชิกกลุ่มอุ่นไอรักท่านหนึ่งซึ่งเป็นผู้ติดเชื้อ เอชไอวีซึ่งไร้สัญชาติและถือบัตรสำรวจชุมชนบนพื้นที่สูง (บัตรสีเขียวขอบแดง) เธอชื่อ เก๋ อายุ 29 ปี พี่เก๋เล่าให้เราฟังว่าเธอติดเชื้อมาประมาณ 5 – 6 ปีแล้ว ก่อนหน้านี้เธอเคยได้รับยาต้านเชื้อจากโครงการNAPHAอยู่ช่วงระยะเวลาหนึ่ง ซึ่งตอนที่ได้รับยาต้านเชื้อนี้ก็ยังพอมีแรงทำงานได้ แต่ตอนนี้เมื่อโครงการNAPHAหยุดจ่ายยาเธอจึงอาการแย่ลงเรื่อย ๆ ไม่สามารถทำงานได้และก็ไม่มีเงินเพียงพอที่จะซื้อยาต้านเชื้อเอชไอวี มีเพียงสามีที่ยังพอทำงานหาเงินมาเป็นค่ายาได้บางครั้งบางคราว แต่ยาที่พอจะหาเงินมาซื้อได้ก็เป็นเพียงยาป้องกันโรคแทรกซ้อนซึ่งมีราคา ถูกกว่าเท่านั้น ส่วนอาการของเธอก็แย่ลงทุกวัน ไม่มีเรี่ยวแรงและเริ่มมีอาการของโรคแทรกซ้อนเพราะภูมิต้านทานที่ลดลงต่ำลง เรื่อย ๆ เนื่องจากไม่ได้รับประทานยาต้านเชื้อ เมื่อเราถามเธอว่าหากวันใดวันหนึ่งที่ภูมิต้านทานของเธอไม่สามารถต่อสู้กับ โรคแทรกซ้อนอีกต่อไปและหากเธอยังคงไม่มีสิทธิรับยาต้านเชื้อ อีกทั้งยังไม่มีเงินซื้อยาเธอจะทำอย่างไร คำตอบที่พี่เก๋ให้เราคือ หากวันนั้นมาถึงเธอก็ยอมตาย ตายโดยปราศจากความน้อยเนื้อต่ำใจหรือโกรธเคืองใด ๆ ต่อทางราชการไทยทั้งสิ้นที่ไม่จ่ายยาให้เธอ เพราะเธอเข้าใจดีว่าถ้าเธอไม่มีสิทธิที่จะได้ยาเธอก็ต้องก้มหน้ายอมรับตาม นั้นและเธอก็ไม่มีสิทธิใด ๆ ที่จะไปเรียกร้องต่อสู้หรือโกรธเคืองผู้ใด
มาตรา ๔ ศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ สิทธิและเสรีภาพของบุคคล ย่อมได้รับความคุ้มครอง
มาตรา ๕๒ บุคคลย่อมมีสิทธิเสมอกันในการรับบริการสาธารณสุขที่ได้มาตรฐาน และผู้ยากไร้มีสิทธิได้รับการรักษาพยาบาลจากสถานบริการสาธารณสุขโดยไม่เสีย ค่าใช้จ่าย ทั้งนี้ตามที่กฎหมายบัญญัติ
รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๔๐
ประกายความหวัง : ความเป็นมนุษย์ที่ไม่อาจถูกพราก
หลักศักดิ์ศรีแห่ง ความเป็นมนุษย์ เป็นหลักกฎหมายที่รับรองความเป็นคน บุคคลมีสิทธิที่จะมีชีวิตอยู่ และมีสิทธิที่จะได้รับการปฏิบัติจากองค์กรของรัฐทุกองค์กรอย่างให้ความเคารพ ต่อหลักศักดิ์ศรีแห่งความเป็นมนุษย์และสิทธิเสรีภาพนี้ที่รัฐธรรมนูญรับรอง สิทธิเสรีภาพตามหลักศักดิ์ศรีแห่งความเป็นมนุษย์นี้เป็นสิทธิตามธรรมชาติที่ ติดตัวบุคคลมาแต่เกิด สละไม่ได้และไม่สามารถจำกัดหรือทำลายสิทธิที่มีอยู่นี้ได้ เพราะฉะนั้นถึงแม้ว่าพี่เก๋จะไม่มีสิทธิใด ๆ ในฐานะพลเมืองสัญชาติไทย แต่พี่เก๋มีสิทธิในฐานะมนุษย์คนนึง พี่เก๋มีสิทธิที่จะมีชีวิตอยู่ซึ่งเป็นสิ่งที่เธอกำลังร้องขออยู่ในขณะนี้ เธอกำลังร้องขอความช่วยเหลือจากรัฐให้ปฏิบัติต่อเธอเสมออย่างมนุษย์คนหนึ่ง ให้เธอมีสิทธิที่จะมีชวิตอยู่ต่อไปอันเป็นสิทธิตามธรรมชาติที่มนุษย์ทุกคนมี อยู่อย่างเท่าเทียมกันไม่ว่าจะเป็นคนสัญชาติใด จะมีสัญชาติไทยหรือไม่ หรือแม้แต่จะไม่มีสัญชาติใด ๆ เลยก็ตาม
ดักแด้ : อาสาสมัคร
Wed, 05/08/2013
Copyright © 2018. All rights reserved.