ไร้ สัญชาติไทย แต่(ไม่)ไร้สิทธิทางการศึกษา

จากหัวข้อของเนื้อความ การไร้สัญชาติสำหรับบุคคลหนึ่งนั้น ถือเป็นเรื่องใหญ่สำหรับเขา เพราะนอกจากเขาจะขาดสิทธิทั้งทางด้านการรักษาสุขภาพ ด้านการเมืองแล้ว เขายังจะเป็นบุคคลไร้ตัวตนไปอย่างสิ้นเชิง แม้เขาจะยังยืนอยู่บนผืนแผ่นดินนั้นก็ตาม การยื่นคำร้องขอสัญชาติ ที่สามารถทำตามสิทธิอย่างที่ตนมีและสมควรได้ แม้มีหลายระเบียบการที่ทำได้ แต่ก็เป็นเรื่องลำบากสำหรับพวกเขาเหล่านั้น เพราะ การขาดซึ่งความรู้
มันกลายเป็นข้อสงสัยอีกประเด็นหนึ่ง ในหลายๆประเด็น เกี่ยวกับเรื่องการไร้สัญชาติ ของบุคคลบนพื้นที่สูง ภายในสังคมเมืองที่มีแต่ผู้อยู่ในฐานะมีอันจะกิน ที่ไม่เดือดเนื้อร้อนใจกับสภาพความเป็นไปของสังคมและปัญหาของคนกลุ่มอื่น หากมองกวาดไปในมุมเล็กๆของสังคมที่ใหญ่โต ก็จะพบกับ “ตัวปัญหา หรือ “ขยะสังคม” ที่ผู้คนมักเรียกกัน คุณเคยลองมองเข้าไปในตัวปัญหาเหล่านั้นบ้างไหม คุณเคยคิดที่จะพูดคุยสอบถามกับเขาบ้างหรือไม่ แล้วคุณเคยใส่ใจกับปัญหาเหล่านั้นบ้างรึเปล่า ตอนนี้ปัญหาที่ใครๆมองผ่าน และคิดว่าเป็นเรื่องเล็กน้อย มันกลายเป็นเรื่องใหญ่ กลายเป็นปัญหาใหญ่ของสังคมไปซะแล้ว
ตัวเหตุผลหลักที่นำไปสู่ปัญหาเหล่านี้ คือ การศึกษา ตามระเบียบกระทรวงศึกษาธิการ ว่าด้วยหลักฐานในการรับนักเรียนนักศึกษาเข้าเรียนในสถานศึกษา พ.ศ.2548 ที่ว่า ทุกคนที่อาศัยอยู่ในประเทศสามารถเข้าเรียนได้ตามกฎหมายว่าด้วยการศึกษาภาค บังคับ จนถึงระดับอุดมศึกษา แม้แต่บุคคลที่ไม่มีหลักฐานทางทะเบียนราษฎรและเด็กที่ไม่มีสัญชาติไทย หากนั่นเป็นเพียงนโยบายที่สวยหรู แต่อันที่จริงแล้วพวกเขาเหล่านั้นไม่ได้รับการศึกษาตามที่เขาสมควรได้ ถึงแม้ ได้รับแต่กลับเกิดปัญหาในภายหลัง
นางสาวจันทร์ผัด สีใส เด็กสาวที่อยากมีอนาคตที่สดใสเหมือนเด็กสาวทั่วไป อยากเรียนสูงๆ อยากมีหน้าที่การงานที่ดี ครอบครัวของเธออพยพจากแคว้นสิบสองปันนา เข้ามายังประเทศไทยเพราะความลำบากในการทำมาหากิน จึงต้องบากหน้าเข้าสู่ประเทศที่ตนคิดว่าน่าจะพอมีทางที่สามารถทำมาหากิน เพื่อเลี้ยงครอบครัวได้ ถึงยังไงมันก็คงจะดีกว่าอยู่ที่เดิม ที่นี่เธอได้รับสิทธิทางการศึกษาขั้นพื้นฐานตามที่กฎหมายกำหนดไว้ แต่พอจะเข้าเรียนระดับมัธยมศึกษากลับต้องพบเจอกับความซับซ้อนต่างๆนานา จนอ่อนใจและต้องดร็อปการเรียนไว้แค่นั้น
แต่เธอยังไม่หยุดความตั้งใจที่อยากเรียนไว้แค่นั้น เพราะถึงแม้ว่าโรงเรียนตามสังกัดของกระทรวงศึกษาธิการทั้งหลาย จะไม่ยินยอมให้พวกเธอเข้าเรียน แต่เธอก็ดิ้นรนจนสามารถเข้าเรียนที่ศูนย์การศึกษานอกโรงเรียน (กศน.) ในเขตตัวเมืองจังหวัดเชียงรายได้ ตอนแรกที่เธอไปติดต่อขอเข้าเรียนนั้น ทางศูนย์ฯก็รับรู้ว่าเธอเป็นคนสัญชาติพม่า แต่ก็บอกว่าให้เรียนไปก่อน จนจบระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น
เมื่อปีการศึกษา 2547 เธอ ต้องการเรียนต่อ จึงยื่นขอใบรับรองวุฒิการศึกษาเพื่อเอาไปสมัครเข้าเรียนต่อ ณ ศูนย์การศึกษาฯ เดิม แต่กลับไม่ได้ และได้เหตุผลว่า ทางศูนย์การศึกษาไม่สามารถออกใบรับรองให้ได้เพราะชื่อพ่อแม่ในเอกสารทาง ราชการไม่ตรงกัน เมื่อรู้เช่นนั้นเธอก็เข้าไปสอบถามที่ว่าการอำเภอเมืองเชียงราย แวะเวียนเพื่อไปสอบถามว่า เธอควรจะทำเช่นไร จนกระทั่ง เมื่อต้นปี พ.ศ.2549 ทางนั้นถึงบอกทางเลือกมาว่าให้ไปตรวจ DNA เธอก็ไป ตรวจที่โรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่ ผลการตรวจ DNA ออกเมื่อ วันที่ 21 มีนาคม 49 เธอจึงเอากลับไปให้ทางอำเภอเมืองเชียงราย เพื่อให้ทางอำเภอเซ็นรับรองหลักฐานให้ ทางอำเภอก็ออกหนังสือรับรองให้ เมื่อวันที่ 21 เมษายน 2549 แล้วจึงเอาไปยื่นให้ที่ ศูนย์ฯ แต่ก็ได้เหตุผลใหม่กลับมาคือ เธอไม่มีสัญชาติไทย ด้วยเหตุผลนี้ ทำให้เธอถึงกับเกือบถอดใจ เพราะใครๆต่างก็รู้ว่าการยื่นเรืองร้องขอสัญชาติไทยนั้น เป็นสิ่งที่ทำได้ยาก อีกทั้งยังขาดความรู้ทางกฎหมาย แล้วเธอจะเอาอะไรไปสู้และต่อรองกับหน่วยข้าราชการของไทย แม้เรายื่นเรื่องขอแล้ว ได้หรือไม่ก็ต้องขึ้นอยู่กับเขา ที่จะให้ก็ได้ถ้าพอใจ ไม่ให้ก็ได้ถ้าไม่ชอบใจใคร
เธอเสาะหาทุกวิถีทางเพื่อให้ได้มาซึ่งสิทธิอันชอบธรรม ตามกฎหมายที่เธอพอจะรู้บ้าง จนเมื่อ ต้นเดือนพฤษภาคม ที่ผ่านมาเธอได้เข้ามารู้จักกับหน่วยงานเอกชนที่ทำงานด้านสิทธิมนุษยชน หรือที่ใครเรียกว่า NGO เธอเข้ามาปรึกษาปัญหาของเธอ และหาทางออกสำหรับปัญหาของเธอ แต่ปัญหาของเธอเป็นสิ่งที่มีกฎหมายระบุไว้ชัดเจนว่า ทุกคนที่อาศัยอยู่ในประเทศสามารถเข้าเรียนได้ตามกฎหมายว่าด้วยการศึกษาภาค บังคับ จนถึงระดับอุดมศึกษา ทางออกสำหรับเธอจึงเกี่ยวกับทางศูนย์การศึกษาฯ ที่ไม่เข้าใจตัวบทกฎหมายในข้อนี้อย่างชัดเจนและถ่องแท้
ปัญหานี้จึงต้องเข้าไปถึงกระทรวงศึกษาธิการ ฝ่ายกิจการพิเศษ ให้ช่วยติดต่อกับทางศูนย์การศึกษานอกโรงเรียน อำเภอเมืองเชียงราย เรื่องความเข้าใจเกี่ยวกับกฎหมายตัวนี้ด้วย และช่วยออกใบรับรองวุฒิการศึกษาให้กับเด็กด้วย เพื่ออนาคตของเด็กและประเทศชาติ จากนั้นอีกเพียงไม่นาน เธอก็ได้มาซึ่งใบรับรองวุฒิการศึกษา ปัจจุบันเธอสามารถเข้าศึกษาต่อระดับมัธยมปลาย ที่ศูนย์การศึกษาฯเดิมได้ เธอบอกว่าดีใจมากที่ได้เรียน แม้ว่าจะโดนเขม่นจากคณาจารย์ก็ตาม เพราะมีเด็กหลายคนที่มีปัญหาแบบนี้ ทั้งก่อนและหลังนางสาวจันทร์ผัด และเมื่อมีเด็กคนหนึ่งได้สิทธิ เด็กคนอื่นๆที่มีสิทธิและต้องการได้สิทธิก็จะพากันมาเรียกร้องเอาตามสิทธิ ของตน มันจึงเกิดเป็นความยุ่งยากของพวกคณาจารย์ที่ต้องทำเรื่องให้กับพวกเด็กๆที่ เข้ามาร้องขอ แต่เพราะเขาขาดซึ่งความเข้าใจต่อกฎหมายเหล่านี้ทำให้เขาไม่กล้าที่จะทำอะไร หรือรับรองอะไร
เด็กที่ไม่ใช่สัญชาติไทยแต่อยู่บนผืนแผ่นดินไทย ส่วนใหญ่จะพบกับปัญหาทำนองนี้เกือบทั้งนั้น ทั้งที่คนทั้งประเทศให้ความสำคัญกับการศึกษาแก่บุตรหลานของตน เพื่อให้มีอนาคตที่ดีและเป็นอนาคตของชาติด้วย แต่กับคนจำนวนหนึ่งที่เราไม่นับว่าเขามีเชื้อชาติเดียวกับเรา เราจึงไม่เห็นความสำคัญของเขาเท่าไหร่ แต่เมื่อมองดีดีแล้ว คนเหล่านั้นแหละที่จะส่งผลต่ออนาคตของชาติโดยตรง เพียงแค่มันจะเป็นไปทางไหน ทางที่เป็นอนาคตและความเจริญก้าวหน้าของชาติ หรือทางที่เป็นปัญหาและขยะของสังคมเท่านั้นเอง
เพราะฉะนั้น ปัญหาต่างๆที่ใครๆมองว่าน่ารำคราญ แท้จริงแล้วไม่ได้เกิดที่ตัวเด็กเองเลย แต่เกิดที่ผู้ใหญ่ต่างหาก ถ้าเขาไม่รู้และไม่เข้าใจในเรื่องใดใดอย่างแท้จริง แทนที่จะเข้าไปทำความเข้าใจกับมันซะก่อน แต่นี่กลับมองผ่านมันไป และบอกปัดปัญหาเหล่านั้นเมื่อมันเกิดขึ้น เราพยายามที่จะจัดการปัญหาเหล่านี้ที่ปลายเหตุหรือตัวเด็กเอง แต่ถ้าหากว่าตัวต้นเหตุที่ทำให้เกิดปัญหาเหล่านี้ขึ้นมาไม่ได้รับการแก้ไข ปัญหาเหล่านี้ก็คงจะยังไม่หมดไปจากสังคมไทย
-นักศึกษาฝึกงาน-
Tue, 05/08/2012
Copyright © 2018. All rights reserved.