หนูจ๋า อย่าร้องไห้ วันหนึ่งนายกแม้วจะเข้าใจ

ส่วนที่หนึ่งบรรยากาศ งานวันเด็กภายในทำเนียบรัฐบาล เต็มไปด้วยสีสัน และ ชีวิตชีวา ซุ้มเกม กิจกรรมสนุก ๆ และของขวัญวันเด็ก ถูกขนมาจากทุกทิศทาง แน่นงานไปหมด ใช่ล่ะ วันนี้วันเด็กแห่งชาติ วันที่ผู้ใหญ่จะหยุดความคิดในเรื่องอื่น และมาให้ความสำคัญกับเรื่องของเด็ก ๆ กันบน เวทีที่มีอยู่นับสิบเวทีภายในทำเนียบฯ มีเด็ก ๆ จากโรงเรียนต่าง ๆ แต่งตัวเป็นนักร้อง แดนซ์เซอร์ ร้องเพลงค่ายเทปดัง สนุกสุดเหวี่ยง เสียงเพลงกรีดร้องถึงความรักและความโศกเศร้าตามเนื้อหาของเพลงไทยที่มากมาย ด้วยเรื่องราวเหล่านี้ ความสนุกหรรษาของงานวันเด็กที่นี่แบบนี้ ไม่ใช่เรื่องแปลกที่ไม่คุ้นตา มันเหมือนกันทุกปี และ เหมือนกันทั่วประเทศตามสถานที่จัดงานวันเด็กต่าง ๆ เราให้ความสำคัญกับเด็ก โดยการจัดกิจกรรมลักษณะนี้มาหลายปีแล้ว ณ หน้าตึกกองบัญชาการ เด็กไร้สัญชาติจำนวน 60 คน สวมชุดชาวเขา ยืนตากแดดเรียงราย ไม่มีลูกโป่ง ไม่มีของขวัญที่ได้จากซุ้มเกม มือของพวกเขาไม่ว่างที่จะหยิบถือของขวัญรัญจวนเหล่านั้น เพราะในมือมีกล่องของขวัญเป็นย่ามผ้า ที่แม่ของเด็ก ๆ เย็บขึ้นด้วยมือ มันเป็นวัฒนธรรมของพวกเขา ที่จะต้องมีถุงย่ามสำหรับคนที่จะเดินทางไปไหนมาไหนเด็กเหล่านี้ เดินทางไกลจากภูเขาที่แม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ เชียงราย พะเยา และ ประจวบคีรีขันธ์ ในย่ามมีจดหมายที่พวกเด็ก ๆ เขียนขึ้นกับมือ บอกเล่าชีวิตอันยากลำบาก เรื่องราวของเด็กเถื่อน คนผิดกฎหมาย ข้อหาของคนหลบหนีเข้าเมือง ทั้ง ๆ ที่ชีวิตนี้ เกิดมาบนผืนแผ่นดินไทย และ ไม่เคยเดินทางไปประเทศไหนเลย ที่ต้องจำยอมต่อโทษและข้อกล่าวหาทางกฎหมาย ให้พวกเด็กเหล่านี้ เป็น “คนไม่ดี เพราะ เป็นคนผิดกฎหมาย”
ด.ญ.มาลัย จาก จ.ประจวบฯ ถามพวกเราว่า
“คนผิดกฎหมาย เป็นคนไม่ดีใช่มั๊ยคะพี่ ?
แล้วทำไม กฎหมาย ต้องบอกว่า หนูเป็นคนไม่ดีด้วยล่ะคะ
หนูทำอะไรผิด หนูอยากเป็นเด็กดี
จะต้องให้ หนูทำยังไง ถึงจะเป็นคนไม่ทำผิดกฎหมาย”
แน่ล่ะ ด.ญ.มาลัย ไม่มีสิทธิ์ที่จะแก้ไขปัญหานี้ได้ด้วยตนเองแล้ว
เพราะ มาลัยไม่สามารถย้อนกลับไปเกิดใหม่อีกครั้ง โดยการเกิดเป็นลูกของคนไทยเท่านั้น
มาลัย ต้องยอมรับโซ่ตรวนที่สังคมยัดเยียดให้
ตอนนี้ มาลัยเป็นผู้หลบหนีเข้าเมือง ซึ่งเป็นการกระทำผิดทางอาญา ที่มีโทษทั้งปรับ และ จำ
ประตูกองบัญชาการ ในทำเนียบรัฐบาล มีนายตำรวจรักษาความปลอดภัย และ เหล่านักข่าว ยืนออเป็นเพื่อนกับกลุ่มเด็กไร้สัญชาติ ส่วนเด็กคนอื่น ๆ ก็ต่อแถว เข้าคิว ไปเล่มเกมตามซุ้มอย่างสนุกสนานมันช่างโดดเดี่ยวเหลือเกิน ที่เมื่อไม่กี่นาทีที่ผ่านไปนั้น ด.ญ.หมึดา จากแม่ฮ่องสอน เกือบเดินถึงตัวนายกฯ เพื่อมอบจดหมายด้วยตนเอง แต่ก็ไม่สามารถผ่านด่านของหน่วยรักษาความปลอดภัยได้ แม้ว่านายกฯจะเห็นเด็กเหล่านี้แล้ว แต่ท่านเลือกที่จะเดินเบี่ยงไปอีกทาง จนนายกเดินลับตาเข้าไปในตัวอาคารหมึดาหยุดก้าวเดินตามนายกฯ เธอยืนตัวสั่น น้ำตาที่เคยหยดลงพื้นดินในป่าที่แม่ฮ่องสอน วันนี้ ต้องหยดลงบนพื้นซีเมนต์ที่แข็งกระด้างในทำเนียบรัฐบาล
นายกฯ พลาดที่จะได้รับฟังเรื่องจริง ที่ไม่ใช่นโยบายยาหอม ที่ว่าจะประกันคุณภาพชีวิตให้กับเด็กในระดับพื้นฐาน หมึดา เป็นนักเรียน เรียนดีประจำโรงเรียน เธอยืนเคารพธงชาติทุกเช้ากับเพื่อน ๆ ที่มีสัญชาติไทยในโรงเรียน เธอภูมิใจที่จะร้องเพลงชาติไทยเสียงดังกว่าคนอื่น เพราะเธอรู้ว่า ความเป็นไทย มันมีคุณค่าเพียงใด
ชีวิตของหมึดาเธอถูกจำกัดพื้นที่ อาศัย ให้อยู่ได้เพียงอำเภอที่เธอเกิดเท่านั้น
เธอไม่มีสิทธิ์ได้รับทุน การศึกษา
เธอกู้เงินเพื่อการศึกษาไม่ได้
เธอไม่ได้รับสิทธิ์ที่จะกิน อาหารกลางวัน นมกล่องที่รัฐบาลจัดสรรมาให้มีไว้สำหรับเด็กสัญชาติไทยเท่านั้น
เพราะเธอ เป็นคนผิดกฎหมาย
และเมื่อเธอเรียนจบ เธอไม่ได้รับประกาศนียบัตรรับรองวุฒิการศึกษา แม้ว่า เธอจะได้เห็นใบประกาศใบนั้นกับตาเธอเองแล้วก็ตามที แต่ครูบอกว่า เธอไม่มีสิทธิ์ถือครองใบประกาศใบนี้ จนกว่าเธอจะมีสัญชาติไทยดวง อาทิตย์ย้ายมาตั้งฉากกับโลก แดดยามเที่ยงร้อนผ่าว แต่เด็กชาวเขายังยืนอยู่กลางแจ้ง พวกเขายังคงยืนอยู่ที่นั่น มันเป็นเวลา 2 ชม. ที่เด็กเหล่านี้ ยืนตากแดด อยู่หน้าตึกกองบัญชาการ ทำเนียบรัฐบาล ที่ข้างในห้องประชุมติดแอร์ นายกรัฐมนตรี กำลังพูดคุยกับเด็กอีกกลุ่มหนึ่ง มีใครรู้บ้างหรือไม่ว่า เด็กชาวเขาที่ยืนอยู่ข้างนอก ไม่เคยถูกสอนให้หลบแดด เขาถูกสอนให้ใช้ชีวิตต่อสู้กับความจริงอันโหดร้ายของธรรมชาติ
12.30 น. เสียงวิทยุสั่งการจากภายในอาคาร ทำให้ตำรวจรักษาความปลอดภัยเริ่มขยับตัว เหล่านักข่าวลุกขึ้นยืน แล้วเดินออกจากมุมตึกที่นั่งหลบแดดอยู่ ผู้ชายร่างใหญ่คนหนึ่ง ที่เคยเป็น NGOs ชื่อ ภูมิธรรม หรือที่พวกเราเรียกกันว่า “พี่อ้วน” เดินออกมา ตอนนี้พี่อ้วนเป็นคนใกล้ชิดนายกฯ เรารู้ได้ทันทีว่า นี่เป็นสัญญาณว่า การประชุมภายในตึกจบลงแล้ว และ นายกฯกำลังเดินทางออกจากอาคาร สายตาของกลุ่มเด็กชาวเขากระตือรือร้นอีกครั้ง กล่องของขวัญ และ จดหมาย ถูกกำแน่น แต่เพียงไม่ถึง 3 นาที ข้างตึกกองบัญชาการ ก็มีรถขบวนเดินทางออกไป ตำรวจรักษาความปลอดภัยสลายตัวอย่างรวดเร็ว นักข่าวเดินออกไป มีเพียงเด็กที่ยืนถือกล่องของขวัญ ยืนอยู่โดยลำพังอย่างไม่เข้าใจว่า และเหตุใดนายกฯ ต้องเดินออกประตูข้าง ทั้ง ๆ ที่รู้ว่า เด็ก ๆ รออยู่หน้าตึก
เช้าวันรุ่งขึ้น ภาพข่าวนายกฯ ถ่ายรูปคู่กับเด็กอิสลามจากนราธิวาส และบทให้สัมภาษณ์ถึงความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันของคนต่างวัฒนธรรมนายกฯ ใช้งานวันเด็ก เพื่อหวังจะหยุดเสียงปืนที่ภาคใต้ แต่ที่ภาคเหนือเด็กไร้สัญชาติคงต้องกลับไปกอดคอกันร้องไห้กันเอง
โดย บก.ลายจุด
Copyright © 2018. All rights reserved.