เวทีสาธารณะ จังหวัดตาก “เด็กกับความหวังการได้เป็นคนถูกกฎหมายและได้สัญชาติไทย” ตามมาตรา ๗ ทวิวรรคสอง และมาตรา ๗ ทวิวรรคสาม แห่งพระราชบัญญัติสัญชาติ (ฉบับที่ ๔) พ.ศ.๒๕๕๑
๑. ความเป็นมา
การรอคอยของเด็กและบุคคลที่เกิดในประเทศไทยภายใต้มติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๗ ธันวาคม ๒๕๕๓ เห็นชอบให้กำหนดสถานะของบุคคลที่อพยพเข้ามาอยู่ในประเทศไทยและอาศัยอยู่มานาน โดยกำหนดหลักเกณฑ์การกำหนดสถานะบุคคลตามยุทธศาสตร์การจัดการปัญหาสถานะและสิทธิของบุคคล โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มเด็กหรือบุคคลที่จะได้รับสัญชาติไทยตามมาตรา ๗ ทวิวรรคสองกำหนดว่า
มาตรา ๗ ทวิ ผู้เกิดในราชอาณาจักรไทย โดยบิดาและมารดาเป็นคนต่างด้าว ย่อมไม่ได้รับสัญชาติไทย ถ้าในขณะที่เกิดบิดาตามกฎหมายหรือบิดาซึ่งมิได้มีการสมรสกับมารดาหรือมารดาของผู้นั้นเป็น
(๑) ผู้ที่ได้รับการผ่อนผันให้พักอาศัยอยู่ในราชอาณาจักรไทยเป็นกรณีพิเศษเฉพาะราย
(๒) ผู้ที่ได้รับอนุญาตให้เข้าอยู่ในราชอาณาจักรไทยเพียงชั่วคราว
(๓) ผู้ที่เข้ามาอยู่ในราชอาณาจักรไทยโดยไม่ได้รับอนุญาตตามกฎหมายว่าด้วยคนเข้าเมือง
ในกรณีที่เห็นสมควร รัฐมนตรีจะพิจารณาและสั่งเฉพาะรายหรือเป็นการทั่วไปให้บุคคลตามวรรค
หนึ่งได้สัญชาติไทยก็ได้ ตามหลักเกณฑ์ที่คณะรัฐมนตรีกำหนด
ผู้เกิดในราชอาณาจักรไทยซึ่งไม่ได้สัญชาติไทยตามวรรคหนึ่งจะอยู่ในราชอาณาจักรไทยในฐานะ
ใด ภายใต้เงื่อนไขใด ให้เป็นไปตามที่กำหนดในกฎกระทรวง ทั้งนี้ โดยคำนึงถึงความมั่นคงแห่งราชอาณาจักรและสิทธิมนุษยชนประกอบกัน ในระหว่างที่ยังไม่มีกฎกระทรวงดังกล่าว ให้ถือว่าผู้นั้นเข้ามาอยู่ในราชอาณาจักรไทยโดยไม่ได้รับอนุญาตตามกฎหมายว่าด้วยคนเข้าเมือง
ได้มีประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การสั่งให้บุคคลซึ่งไม่มีสัญชาติไทยที่เกิดในราชอาณาจักรไทยโดยบิดาและมารดาเป็นคนต่างด้าว ได้สัญชาติไทยเป็นการทั่วไป และการให้สัญชาติไทยเป็นการเฉพาะราย ลงวันที่ ๒๖ กันยายน ๒๕๕๕ แต่หลักเกณฑ์ยังไม่ครอบคลุมทุกกลุ่ม คนที่บัตรเป็นหัว “๐” บุคคลที่ไม่มีสถานะทางทะเบียน จะมีก็เฉพาะบุคคลที่จบการศึกษาขั้นต่ำระดับปริญญาตรี ถึงวันที่ ๑๘ มกราคม ๒๕๔๘ วันที่คณะรัฐมนตรีอนุมัติยุทธศาสตร์การจัดการปัญหาสถานะและสิทธิของบุคคล นอกจากนั้นยังมีปัญหาด้านการกำหนดหลักเกณฑ์ ค่อนข้างยุ่งยากในทางปฏิบัติ ทำให้การดำเนินการล่าช้าถือว่าเป็นความไม่เป็นธรรม และที่สำคัญเด็กหรือบุคคลเหล่านี้ได้กลายเป็นผู้หลบหนีเข้าเมืองหรือเข้าเมืองโดยไม่ได้รับอนุญาตตามกฎหมายว่าด้วยคนเข้าเมือง ซึ่งยังไม่มีกฎหมายรองรับ นับว่าเป็นการซ้ำเติมตีตราบาปให้กับเด็ก ได้ผิดหลักเกณฑ์ตามหลักสิทธิพลเมืองและสิทธิเด็ก ตามที่รัฐบาลไทยเป็นสมาชิกรัฐภาคี
เวทีสาธารณะ “เด็กกับความหวังการได้เป็นคนถูกกฎหมายและได้สัญชาติไทย”ตามมาตรา ๗ ทวิวรรคสอง และมาตรา ๗ ทวิวรรคสาม แห่งพระราชบัญญัติสัญชาติ (ฉบับที่ ๔) พ.ศ.๒๕๕๑ เป็นอีกเวทีหนึ่งที่กลุ่มเจ้าของปัญหาโดยเฉพาะ เด็ก ๆ ที่ไร้สัญชาติ จะได้ร่วมกันแลกเปลี่ยน เรียนรู้ และนำเสนอผลกระทบจากปัญหาที่ตนเองและกลุ่มบุคคลไร้สัญชาติ ให้กับรัฐมนตรีกระทรวงมหาดไทย เพื่อให้ช่วยพิจารณาเร่งรัดในการดำเนินการแก้ไขปัญหา
โครงการการคุ้มครองสิทธิเด็กไร้รัฐ ไร้สัญชาติ (SCPP) และเครือข่ายใน ๕ จังหวัด คือ จังหวัดเชียงใหม่, เชียงราย, พะเยา, แม่ฮ่องสอน และจังหวัดตากและองค์กรเครือข่าย ๓๑ องค์กร จึงได้ร่วมกันจัดเวทีสาธารณะ เพื่อให้กลุ่มเจ้าของปัญหา องค์กรพัฒนาเอกชน องค์กรภาครัฐ มีเวทีในการแลกเปลี่ยน เรียนรู้ ประเด็นปัญหาผลกระทบที่เกิดขึ้น ใน ๔ จังหวัด เป็นการนำไปสู่การแก้ไขปัญหาและมีทิศทางในการขจัดปัญหาสถานะและสิทธิของบุคคล และเตรียมพร้อมในการจัดการประชากร เพื่อการเปิดประตูสู่อาเซียนในปี ๒๕๕๘ ร่วมกัน
๒. วัตถุประสงค์
๒.๑ เพื่อให้กลุ่มเจ้าของปัญหาสถานะและสิทธิ ของบุคคล ที่เข้าข่ายมาตรา ๗ ทวิวรรคสอง วรรคสาม ได้มีเวทีในแลกเปลี่ยน เรียนรู้ สิทธิของตนเองและได้แลกเปลี่ยนผลกระทบต่อปัญหา และสิทธิที่ตัวเองจะได้รับตามกฎหมาย
๒.๒ เพื่อให้กลุ่มเจ้าของปัญหาได้เสนอความคิดเห็นและสรุปผลกระทบ รวบรวมเป็นข้อเสนอถึงหลักเกณฑ์การกำหนดสถานะบุคคลให้เกิดความครอบคลุมทุกกลุ่ม
๒.๓ เพื่อผลักดันให้มีนโยบาย แนวทางในการแก้ไขปัญหาหรือแนวทางในทางปฏิบัติที่สอดคล้องกับการรับรองสิทธิของบุคคลไร้สัญชาติ
๓. กิจกรรม
๓.๑ เวทีสาธารณะ
๓.๒ กิจกรรมห้องเรียนสถานะและสิทธิบุคคล
๓.๓ จัดกระบวนการตรวจเอกสารและยื่นคำร้อง
๔. กลุ่มเป้าหมาย จำนวน ๑๐๐ คน ประกอบไปด้วย
๔.๑ เจ้าของปัญหา
– เด็กนักเรียน
– ผู้ปกครองนักเรียน
– บุคคลไร้สัญชาติ
๔.๒ ครู
๔.๓ องค์กรพัฒนาเอกชน
๔.๔ นักวิชาการ
๔.๕.หน่วยงานภาครัฐ
๔.๖ สื่อมวลชน
๔.๗ ผู้ที่สนใจทั่วไป
๕. วันเวลวันที่ ๑๖ ตุลาคม ๒๕๕๖
๖. สถานที่องค์การบริหารส่วนตำบลแม่อุสุ
๗. ที่อยู่ ศูนย์พัฒนาเครือข่ายเด็กและชุมชน
เลขที่ ๗ หมู่ ๒ ตำบลสบเมย อำเภอสบเมย จังหวัดแม่ฮ่องสอน ๕๘๑๑๐
โทรศัพท์/โทรสาร ๐๕๓-๖๑๘๐๖๗ อีเมล์ : dccn_salaween@hotmail.com
๘. ผลที่คาดว่าจะได้รับ
๘.๑ กลุ่มที่ตกค้างภายใต้ ที่เข้าข่ายมาตรา ๗ ทวิวรรคสอง และวรรคสาม ได้แลกเปลี่ยนเรียนรู้ร่วมกัน
๘.๒ กลุ่มเจ้าของปัญหาได้นำเสนอสถานการณ์ปัญหาและผลกระทบสู่สาธารณะ
๘.๓ ผู้แทนรัฐบาลได้รับข้อเสนอนำไปสู่การปรับปรุงแนวนโยบาย
๙. องค์กรที่รับผิดชอบและร่วมจัด
๙.๑ ที่ทำการปกครองจังหวัดตาก
๙.๒ มูลนิธิกระจกเงา จังหวัดเชียงราย
๙.๓ มูลนิธิพัฒนาชุมชนและเขตภูเขา จังหวัดเชียงราย
๙.๔ บ้านแสงใหม่ จังหวัดเชียงราย
๙.๕ ศูนย์พัฒนาเครือข่ายเด็กและชุมชน จังหวัดแม่ฮ่องสอน/ตาก
๙.๖ ภาคีต่อต้านการค้าเด็กและหญิง ประเทศไทย จ.เชียงใหม่
๙.๗ กลุ่มละครชุมชน กั๊บไฟ จังหวัดเชียงใหม่
๙.๘ องค์กรสิทธิชุมชน จังหวัดพะเยา
๙.๙ โครงการพัฒนาสิทธิในสังคม
๙.๑๐ คลินิกกฎหมายอุ้มผางเพื่อสิทธิมนุษยชน
๙.๑๑ คริสตจักรภาคที่ ๑๙ สภาคริสตจักรประเทศไทย