กรงขังที่ไม่มีทางออก

เมื่อดอกไม้สะพรั่ง และสวยสดงดงาม ทำให้มีราคา มีผู้คนแห่ซื้อกันอย่างล้นหลาม มีผึ้งน้อยๆ มาดอมดมเพื่อเป็นอาหารในการดำรงชีวิตให้อยู่รอด ดอกไม้แม้ไม่มีชีวิตไม่มีลมหายใจ แต่ยังมีราคา แต่คนไร้สัญชาติเช่นเขาแม้มีชีวิตมีลมหายใจมีตัวตน แต่ไม่มีราคาเท่าดอกไม้ดอกหนึ่ง
นี่คือเสียงสะท้อนที่ออกมาจากส่วนลึกของหัวใจ ของคนไร้สัญชาติ ที่อดกลั้นเอาไว้ไม่ไหวแล้ว ขอให้ผมได้ระบายสิ่งที่อยู่ในใจมานาน เพื่อให้โลกรู้ว่าอย่างน้อยๆ ผมก็ยังมีชีวิตอยู่ “แม้ผมไม่ มีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านก็ตามและอยากตะโกนให้โลกรู้ว่าผมก็เป็นมนุษย์เหมือน คนอื่นๆ ทั่วไป เหมือนคนที่มีสัญชาติไทย แต่ผมได้รับการปฏิบัติเยี่ยงทาสในกฎหมายไทย เหมือน ไม่ใช่คน แม้ประเทศไทยได้ยกเลิกแล้วก็ตาม เมื่อ เปรียบเทียบระหว่างสัตว์ที่อยู่ในสวนสัตว์ มันยังมี ผู้คนเข้าไปเที่ยวชมมากมาย และยังได้รับการดูแลเอาใจใส่มากกว่าผมด้วยซ้ำ ผมเป็นคนแท้ๆ ที่เกิดจากบิดาและมารดาที่เป็นคนเช่นกัน ผมยังไม่ได้รับการดูแลแม้สิทธิที่มนุษย์คนหนึ่งควรจะมีก็ไม่ได้อยู่ในมือ ผมอยากบอกสังคมว่าโปรดเหลียวมามองผมบ้าง”
นาย อาซือ จุเปาะ วัย 25 ปี อยู่บ้านห้วยกระ อำเภอแม่ฟ้าหลวง จังหวัดเชียงราย เป็นชนเผ่าอาข่า ชื่อเล่นของเขาคือบอย และในปัจจุบันทั้งครอบครัวของบอยยังไม่ได้สัญชาติเลย ทั้งๆที่ปู่ย่าตายายบิดาหรือมารดาก็เกิดที่ไทยเกิดบ้านห้วยกระ เอกสารที่ทางกระทรวงมหาดไทยออก ให้ก็ระบุไว้ว่าเกิดที่บ้านห้วยกระ บอยกล่าวว่า ตนได้ยื่นคำร้องขอสัญชาติมาหลายครั้งแล้ว ตั้งแต่ พ.ศ 2545 จนถึง พ.ศ 2550 ยื่นไปแล้ว ถึง 3 ครั้ง แต่ยังไม่ได้อนุมัติเลยเวลา “ผมไป ติดตามที่อำเภอแม่ฟ้าหลวง สอบถามไม่ถึงสามคำ ก็โดนไล่ออกมาจากอำเภอแล้ว เลยทำให้เกิดความหวาดกลัวที่จะไปถามอีก เพราะเวลาโดนไล่ออกมาผมอายมาก ทั้งๆ ที่ผมไปตามเรื่องของตนเอง มีสิทธิที่จะไปติดตาม บาง ครั้งคิดอยู่ในใจว่า “อำเภอแม่ ฟ้าหลวงเป็นเจ้าของชีวิตของผมเหรอ ถึงเป็นแบบนี้” แต่ไม่รู้จะทำยังไง ทำได้แต่เดินออกจากอำเภอและกลับบ้านไปทุกครั้งเป็นอย่างนี้อยู่เรื่อยๆ จนตอนนี้ไม่อยากไปแล้ว ถ้าผมไม่มีสิทธิ์ผมคงไม่ไปตามให้โดนด่า แต่ผมมีสิทธิที่จะตาม และทางอำเภอแม่ฟ้าหลวงไม่อนุมัติสัญชาติให้ผมสักที่ ไม่เข้าใจว่าทำไมไม่อธิบายด้วยว่าทำไมไม่อนุมัติ สิ่งที่ผมทำได้ก็คือรอ แม้ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ถึงจะได้
และแล้วก็มีเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันเกิดขึ้นกับผม ผมได้เดินทางไปอำแม่สรวย บ้านดอยช้าง เพื่อไปช่วยญาติทำสวน เมื่อช่วยงานเสร็จเรียบร้อย ก็ตั้งใจว่าจะเดินทางกลับบ้านที่อำเภอแม่ฟ้าหลวง เมื่อวันที่ 7 ส.ค 2550 เป็นวันที่ผมกำลังเดินทางกลับบ้านที่อำเภอแม่ฟ้าหลวง และช่วงเวลาเดินทางมีด่านตำรวจตั้งตรวจอยู่และตำรวจก็ขึ้นมาเพื่อตรวจและบอก ผู้โดยสารให้เอาบัตรประชาชนออกมาแสดงแต่ผมและเพื่อนอีก 3 คนไม่มี ตำรวจก็เลยให้ลงจากรถและผมกับเพื่อนได้เจรจากับตำรวจ แต่ตำรวจไม่ยอมฟังข้อเท็จจริง และตั้งข้อหาพวกผมออกนอกพื้นที่โดยไม่ ได้รับอนุญาต “ผมและ เพื่อนตกใจมาก เพราะตั้งแต่เกิดมาแม้ไม่มีสัญชาติแต่ผมก็ไม่เคยโดนจับแบบนี้ ในเวลานั้นผมอยากร้องไห้ออกมาแต่ก็ต้องทนอดกลั้นเอาไว้ และตั้งสติอธิบายให้ตำรวจอีกรอบ แต่ตำรวจก็ไม่ยอมรับฟังเหตุผลใดๆ จากผมเลย พร้อมยกกฎหมายมาอ้าง ผมหมด เรี่ยวแรงที่จะยืนอยู่ในขณะนั้น และสุดท้ายผมกับเพื่อนก็ต้องนอนในห้องขัง ห้องสี่เหลี่ยมที่ถูกจำกัดอาณาเขตบริเวณ เยี่ยงสัตว์เลี้ยง ที่สถานีตำรวจ
อ.แม่ สรวย ในขณะนั้นมีหลายสิ่งหลายอย่างที่ผมกำลังคิด มันสับสน สมองแทบจะระเบิดออกมา เช่นผมจะได้ออกจากคุกนี้ไหม ต้องอยู่ที่นี่อีกนานแค่ไหน สิ่งที่ทำให้ผมคิดหนัก มากก็คือ “ผมคิดถึง ภรรยาและลูกของผม เพราะลูกผมเพิ่งจะลืมตาดูโลกได้ไม่ถึงเดือนเลย และภรรยาก็รอผมอยู่เพราะรู้ว่า ผมจะกลับมา แต่บ้านของผมกลายเป็นคุกหรือห้องขังแทน ผมอยากบอก ตำรวจว่าถ้าผมทำผิดอย่างอื่นก็พร้อมและเต็มใจที่จะถูกจำคุก แต่นี่ผมไม่ได้ทำผิด ไม่ใช่ว่าผมไม่อยากได้สัญชาติ แต่ทางอำเภอแม่ฟ้าหลวงไม่อนุมัติให้ก็เลยทำให้ผมอยู่ในสภาพนี้เหมือนคนทำผิด โดยปริยาย วันที่ 8 ส.ค. 2550 ทางตำรวจก็ได้นำผมและเพื่อนไปยังศาลจังหวัดเชียงรายพวกเราทุกคนถูกปรับคนละ 800 บาท ต่อคน เหตุการณ์นี้เองทำให้ผมได้รู้ว่า “แม้เราเกิดไทยแต่ไม่แตกต่างจากคนต่างด้าวไม่แตก ต่างจากสัตว์ที่อยู่ในกรงขัง มีขาก็เดินทางไม่ได้ พูดความจริงแต่ไม่มีใครเชื่อ ผมโดนทั้งปรับโดนทั้งจำเสียทั้งเงิน เสียทั้งเวลา เสียทั้งความรู้สึก และใครละจะเอาสิ่งที่ผมเสียไปเอากลับมาให้ผมได้ และต้องเสียอีกนานแค่ไหนหรือผมต้องหมดลมหายใจ หรือ ต้องแก่ตายเสียก่อน ทางอำเภอแม่ฟ้าหลวงถึงจะอนุมัติ สัญชาติให้ผม” น้ำ เสียงสั่นครอ คราบน้ำตาอยู่รอบดวงตา “แต่อย่างไรก็ตาม ผมก็ต้องมีชีวิตต่อไปเพื่อลูกสาวและภรรยาที่น่ารักของผม”
นี่คือเสียงสะท้อนจากหัวอกลูกผู้ชายที่ต้องการ ให้รัฐปฏิบัติต่อเขาเช่นมนุษย์คนหนึ่ง ไม่ใช่ปฏิบัติต่อเขาอย่างไม่ใช่คน เพราะเขายังยืนยันว่าเขายังเป็นคนอยู่ และอยากให้ ทางอำเภอแม่ฟ้าหลวงอนุมัติสัญชาติให้เขาเสียที เพราะรอมานานแล้ว โอกาสต่างๆที่เข้ามาในชีวิตได้ผ่านไปตรงหน้าเพราะแค่ไม่มีบัตรประจำตัว ประชาชนแค่ใบเดียวเท่านั้น ชีวิตที่ผ่านมามีความฝันหลายสิ่งหลายอย่างมากมาย แต่ต้องชะลอไว้ อนาคตที่วางแผนไว้ เพื่อครอบครัวคงเป็นไปไม่ได้ ถ้าทางอำเภอแม่ฟ้าหลวง ยังไม่อนุมัติสัญชาติให้ผมและครอบครัว ผมก็ต้องหยุดชะงัก และรอต่อ ไปเรื่อยๆไม่รู้เมื่อไหร่จะมาถึง
ซ่าพีถ่อง
Sun, 05/12/2013
Copyright © 2018. All rights reserved.