น้องลำพู & น้องลำพอง ตาทิพย์ กับการต่อสู้เพื่อเรียกร้องสิทธิความเป็นคนไทย

ถ้าถามว่าน้องลำพู น้องลำพอง ตาทิพย์ รู้จักมูลนิธิกระจกเงาจังหวัดเชียงรายได้อย่างไร เรื่องมีอยู่ว่าวันหนึ่งน้องลำพูได้เปิดดูรายการโทรทัศน์ ได้เห็นชื่อหน่วยงานมูลนิธิกระจกเงา ที่นำเสนอข่าวในรูปแบบของการขอสัญชาติ ขอสิทธิต่างๆ จึงมีความสนใจเพราะตัวเองนั้นก็เป็นคนหนึ่งที่มีปัญหาเรื่องสัญชาติ จึงตัดสินใจเขียนจดหมายขอความช่วยเหลือมาถึงมูลนิธิกะจกเงา จังหวัดเชียงราย เพื่อบอกเล่าเรื่องราวของตัวเองให้เจ้าหน้าที่ได้รับทราบและขอคำแนะนำในการขอความช่วยเหลือเพื่อดำเนินการขอลงรายการสัญชาติไทย

จากการติดต่อประสานงานขอความช่วยเหลือจากทางเจ้าหน้าที่ โครงการ The development of rights status for access to livelihoods ๒๐๑๓-๒๐๑๕ มูลนิธิกระจกเงา หนูได้รับคำแนะนำที่ดีมาก และได้รับความรู้และช่องทางการยื่นขอลงรายการสัญชาติไทย นั้นมีหลายวิธี หลายขั้นตอน ซึ่งตัวหนูเองก็พบว่าตัวเองนั้นก็มีสิทธิที่จะขอขอลงรายการสัญชาติไทยได้เหมือนกัน จากที่เมื่อก่อนหนูนั้นไม่มีความรู้ในเรื่องนี้เลยตอนนี้หนูก็ได้รับคำแนะนำได้รับความรู้มากขึ้น โดยได้รับคำแนะนำจากพี่ยุทธชัยและพี่แหม่ม เจ้าหน้าที่โครงการ The development of rights status for access to livelihoods ๒๐๑๓-๒๐๑๕ มูลนิธิกระจกเงา

น้องลำพูได้ย้อนเรื่องราวในอดีตให้เราได้ฟัง ว่า น้องทั้ง ๒ คนเป็นพี่น้องฝาแฝดที่เกิดและโตทในจังหวัดฉะเชิงเทรา พ่อแม่เป็นชาวเขา เผ่าลั่วะ อาศัยอยู่ ที่อำเภอแม่ฟ้าหลวง จังหวัดเชียงราย แต่เป็นบุคคลตกสำรวจในพื้นที่นั้น

ขณะที่แม่ตั้งท้องเราทั้ง ๒ คน พ่อกับแม่ได้โยกย้ายถิ่นฐานมาทำงานที่ จังหวัดฉะเชิงเทรา จนกระทั้งคลอดเราทั้งสองคนคลอด วันที่เราทั้งคู่ลืมตาออกมาดูโลก พ่อกับแม่ไม่มีบัตรประจำตัวประชาชนที่จะไปแสดงตนที่สำนักทะเบียนเทศบาลเมืองฉะเชิงเทรา และไม่มีแม้เอกสารสำคัญใด ๆ ในการแจ้งเกิดเราสองคนพี่น้อง
เราสองคนไม่ได้เกิดที่โรงพยาบาล จึงทำให้ไม่มีหลักฐานในการแจ้งเกิด ครอบครัวของเราดำรงชีพบนฐานของคนไม่มีสัญชาติไทย บ่อยครั้งที่เราเสียโอกาสในด้านต่าง ๆ แต่เราไม่ย่อท้อที่จะเรียกร้องสิทธิความเป็นไทยที่เราสองคนพี่น้องควรจะได้รับ

ตอนนั้นเรากำลังศึกษาอยู่ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 เราพยายามดำเนินเรื่องในการขอลงรายการสัญชาติไทยให้กับตนเอง แต่ก็ไม่ประสบความสำเร็จ ประกอบกับช่วงเวลานั้นอาจารย์ทวงถามเรื่อง๑)ใบเกิด ๒)สำเนาทะเบียนบ้านบ่อยมาก แต่เราทั้งสองคนไม่มีใบสำคัญสองใบนี้ให้กับทางอาจารย์ ให้กับทางโรงเรียน บางครั้งอาจารย์ทวงถามในชั้นเรียนทำให้เพื่อนสงสัยและเกิดคำถามมากมาย ทำให้เรารู้สึกเขินอายเพื่อนๆในชั้นเรียน จนบางครั้งเราต้องคอยหลบหน้าและเดินหนีหน้าอาจารย์แทบทุกครั้งที่เดินมากับเพื่อนๆ เพราะทุกครั้งที่อาจารย์ถามเรื่องนี้ อาจารย์มักจะถามว่า พ่อแม่เราเป็นแรงงานต่างด้าวหรอ ? หรือเป็นคนพม่า หรือเขมร ?
เรารู้ว่าอาจารย์อยากจะถามหาสาเหตุอยากถามหาเหตุผลว่าทำไม ? ทำไมเราไม่มีเอกสาร แต่บางครั้งอาจารย์อาจจะลืมใส่ใจความรู้สึกของเราได้รับผลกระทบทางจิตใจ เราก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมเราไม่มีบัตรประชาชน จนบางที่ทำให้เราสองคนพี่น้องต้องแอบหลบมุมไปแอบร้องไห้ น้ำตาที่มันไหลมันไหลออกมาจากความน้อยเนื้อต่ำใจที่เราทั้งคู่ไม่มีบัตรประจำตัวประชาชนเหมือนคนอื่น น้อยเนื้อต่ำใจกับคำถามที่ไม่รู้จักจบสิ้น น้อยเนื้อต่ำใจกับความอับอายที่เรามิได้เป็นผู้สร้าง

ทุก ๆ ครั้งที่ต้องตอบคำถามอาจารย์ ทุกครั้งที่อาจารย์ขอหลักฐานเอกสาร ทุกครั้งที่นึกถึงเวลามาโรงเรียน แล้วต้องมาเจอเหตุการณ์แบบนี้ ทำให้เราไม่อยากเรียนหลายครั้งที่เราอยากลาออกเราจะได้สบายใจ หลุดพ้นจากคำถามรุมเร้าเหล่านี้

แต่เราก็ไม่สามารถทำแบบนั้นได้ เพราะจิตสำนึกพึงระลึกตลอดเวลาว่า ถ้าเราไม่เรียนหนังสือ และไม่มีบัตรประจำตัวประชาชน มันยิ่งจะทำให้การดำรงชีวิตยิ่งแย่ไปกว่าเดิม
เราทั้งสองคนตัดสินใจ รวบรวมความกล้าเดินเข้าไปเล่าเรื่องราวความเป็นมาของพ่อกับแม่ให้อาจารย์ฟังและเหตุผลที่เราไม่มีเอกสารทางราชการที่อาจารย์ร้องขอมาตลอด โดยหวังเพียงว่าอาจารย์จะเข้าใจเหตุผลและไม่ทวงถามเรื่องเอกสารกับเราทั้งสองคนอีก

จากวันนั้นเราทั้งสองคนไม่เคยคิดท้อใจอีกเลย เราไม่หมดความพยายามในการดำเนินการเรื่องการขอลงรายการสัญชาติไทย
เราทั้งคู่จบการศึกษาในระดับมัธยมศึกษาตอนต้น และศึกษาต่อในวิทยาลัยอาชีวศึกษาฉะเชิงเทรา เป็นโชคดีของเราทั้งสองคนที่เราตัดสินใจเรียนต่อในระดับที่สูง เพราะขณะที่เรียนในระดับ ปวช. ทางวิทยาลัยได้มีแบบสำรวจสอบถามด้านความมั่นคงของมนุษย์ ของบุคคลไม่มีสถานะทางทะเบียนที่กำลังศึกษาอยู่ ทำให้เราทั้งสองคนได้รับการสำรวจ และได้ทำบัตรรหัส 0 บัตรบุคคลไม่มีสถานะทางทะเบียนจากทางเทศบาลเมืองฉะเชิงเทรา เราทั้งสองคนดีใจมากและมีความหวังเพิ่มขึ้นมากมาย เราพยายามศึกษาต่อในระดับอุดมศึกษา และมีความฝันว่าสักวันหนึ่งเราจะมีโอกาส มีสิทธิเท่าเทียมกับคนอื่นๆ เมื่อวันนั้นมาถึง วันที่เราได้เป็นคนไทยอย่างสมบูรณ์แบบ

เมื่อเราทั้งสองคนสำเร็จการศึกษาในระดับอุดมศึกษา เราได้เรียกร้องสิทธิของเราเองโดยการยื่นขอลงรายการสัญชาติไทยให้กับตนเองอีกสักครั้ง เพราะการดำรงชีวิตหลังจากจบการศึกษา การหางานเป็นอะไรที่ยากลำบากมาก

สำหรับตัวข้าพเจ้าเอง การที่เราไม่มีสัญชาติไทยเปรียบเสมือนเราไม่มีสิทธิในการทำงานตามที่เราเรียนมา ไม่มีสิทธิในสายงานที่เราถนัด เพราะแต่ละบริษัทต้องการหลักฐานและเอกสารแสดงตน
เหตุการณ์ที่ทำให้รู้สึกน้อยใจ คือ หลังจากที่ใกล้สำเร็จการศึกษาเราเตรียมตัวสมัครงานทางด้านสายที่เรียนมาคือสายทางอุตสาหกรรมการเพ้นท์ เสื้อผ้า ครั้งนั้นไปสมัครสอบงานผ่าน สัมภาษณ์ผ่าน แต่ปราการสุดท้ายของการสมัครงานคือการทำสัญญาจ้าง ซึ่งในการทำสัญญาจ้างต้องใช้ ๑)บัตรประชาชน ๒)สำเนาทะเบียนบ้าน ซึ่งตัวข้าพเจ้าไม่มีและกลัวที่จะต้องสละสิทธิในตำแหน่งงานนี้ จึงรีบอธิบายเหตุผลว่าทำไมถึงไม่มีหลักฐาน เพื่อที่ทางบริษัทจะเห็นใจ เข้าใจข้าพเจ้าและรับข้าพเจ้าทำงาน

แต่สุดท้ายข้าพเจ้าต้องพบกับความผิดหวังเพราะถูกปฏิเสธการรับเข้าทำงาน โดยทางบริษัทให้ข้าพเจ้าไปทำข้อสอบข้อเขียนเพิ่มเติม และบอกทิ้งท้ายว่าจะติดต่อเรียกมาสัมภาษณ์ใหม่ ซึ่งข้าพเจ้าก็เข้าใจถึงการปฏิเสธในการรับข้าพเจ้าเข้าทำงานในบริษัทนั้น แต่ข้าพเจ้าก็ไม่ท้อในการหางานใหม่

เราทั้งสองคนคิดว่าในเมื่อบริษัทใหญ่ ๆ มีชื่อเสียงไม่รับคนที่ไม่มีบัตรประชาชนเข้าทำงาน ก็ลองไปสมัครบริษัทที่เล็ก ๆ เราอาจมีโอกาสเข้าทำงานมากกว่า วันที่สวรรค์เข้าข้างเราก็มาถึง เราทั้งคู่ได้ทำงานตามที่ใจหวัง เราดีใจมาก แม้บริษัทนี้จะไม่ใหญ่โต ไม่ค่อยมีชื่อเสียง แต่เขาได้ให้โอกาสเราทั้งคน และนั้นแหละคือเรื่องที่ยิ่งใหญ่สำหรับเราสองคนพี่น้อง ที่สังคมยังให้โอกาส

เราได้เข้าทำงานเป็นพนักงานบริษัทในบริษัทเล็ก ๆ แห่งหนึ่ง ถึงแม้ค่าตอบแทนอาจไม่เท่ากับคนที่มีบัตรประชาชน แต่ ณ เวลานั้นขอแค่จบมาแล้วมีงานทำแค่นี้ดีใจที่สุดแล้ว แต่การเข้าทำงานของเราเราก็ต้องเสียสิทธิในการทำประกันสุขภาพ บริษัทไม่ได้ทำประกันสังคมให้เพราะการทำประกันสังคม ต้องมีการทำ workpermit ก่อน ซึ่งการทำต้องมีค่าใช้จ่ายสูง เราไม่มีสิทธิในการรักษาพยาบาลตามโครงการ 30 บาทรักษาทุกโรค

การที่เราไม่มีบัตรประชาชนใบเดียวทำให้การดำรงชีวิตเราลำบากทั้งทางด้านการทำงาน สังคม เพื่อนร่วมงาน เพียงเพราะเราไม่มีบัตรจะเป็นเรื่องแปลกในกลุ่มคนที่มีความเป็นไทยสมบูรณ์แบบ คนเราวัดความเป็นคนกันที่บัตรประจำตัวประชาชนเพียงใบเดียวเฉกเช่นนั้นหรือ เพื่อนร่วมงานคอยสอบถามเรื่องส่วนตัวอยู่เหล่านี้อยู่ตลอดเวลา บางครั้งมันทำให้เรารู้สึกไม่พอใจที่จะตอบคำถามในคนหมู่มาก และทำให้รู้สึกเขินอายดูเหมือนตัวเองเป็นตัวประหลาดอยู่ตลอดเวลาซึ่งความรู้สึกแบบนี้จะไม่มีใครเข้าใจได้ดีถ้าคุณไม่ได้มายืนอยู่จุดๆนี้ เพราะคนที่เกิดมาแล้วมีหลักฐานเพียบพร้อมก็จะมองข้ามในเรื่องนี้ว่าไม่สำคัญ เป็นเรื่องธรรมดา แต่สำหรับคนที่เกิดมาแล้วไม่มีเฉกเช่นเรา เราก็ได้แต่เพียรพยายามจะไขว่คว้า เราพยายามทำทุกวิถีทางที่จะให้ได้มาซึ่งความเป็นคนไทยสมบูรณ์แบบ

มันคงเป็นเรื่องพิเศษมาก ๆ ถ้าสักวันหนึ่งเราจะมีบัตรสี่เหลี่ยมสีฟ้า มีรูปหน้าตัวเองติด พกติดตัวเหมือนคนอื่นทั่วไปและที่สำคัญ เราอยากจะแสดงตนและไปใช้สิทธิในการไปเลือกตั้งทุก ๆ ครั้งที่มีการเลือกตั้ง
เมื่อถึงฤดูกาลเลือกตั้งไม่แปลกเลยที่เรารู้สึกน้อยใจ เพราะการเลือกตั้งบ่งบอกความเป็นไทยได้อย่างเต็มตัว

บัดนี้เราหวังเพียงว่า มูลนิธิกระจกเงาจะทำให้ความฝันที่รอมานานถึง ๑๓ ปี เป็นจริง เพราะตลอดเวลาที่ผ่านมาเราได้เดินเรื่องมาตลอดจนบางครั้งท้อ บางสถานที่ที่ได้พบเจอก็ไม่อยากรับฟังปัญหาของเรา ไม่ใส่ใจไม่ให้ความสำคัญกับสิ่งที่เราต้องการเรียกร้อง

ความรู้สึกแรกที่ได้รับการติดต่อจากทาง มูลนิธิกระกระจกเงา เราดีใจเป็นอย่างมาก ที่พี่ ๆ ทีมงานมูลนิธิกระจกเงาให้ความสำคัญ ให้ความสนใจและติดต่อกลับมา แม้เราจะไม่เคยรู้จักกันมาก่อน
ครั้งแรกที่คุยกันทางโทรศัพท์ เราเล่าความเป็นมาของเราให้เจ้าหน้าที่มูลนิธิฟังอีกครั้ง รวมถึงหลักฐานเอกสารสำคัญที่มีอยู่ตอนนั้น พี่แหม่มหนึ่งในเจ้าหน้าที่มูลนิธิกระจกเงา ได้ให้คำแนะนำขั้นตอนการยื่นคำร้องขอมีสัญชาติไทยตามมาตรา๒๓ และพี่ยุทธชัยเจ้าหน้าที่มูลนิธิกระจกเงา ได้ส่ง ๑) ตัวอย่างการยื่นคำร้องขอลงรายการสัญชาติไทยตามมาตรา ๒๓ ๒)ตัวอย่างการสอบ ปค.๑๔ (การสอบปากคำพยาน ๑๔) / และตัวอย่างคำปฏิญาณตน ๓)การขอออกหนังสือรับรองการเกิด ๔) การทำคำขอ ตามมาตรา ๒๓ เพื่อจะได้สะดวกกับการติดต่อทางราชการ พี่เจ้าหน้าที่มูลนิธิได้แนะนำเรา สอนแนวทางให้เราตั้งแต่ขั้นตอนแรกคือ ๑) การทำใบรับรองเกิด ๒) การยืนคำรองขอมีสัญชาติไทย ๓) การเพิ่มชื่อเข้าทะเบียนบ้าน ๔)การถ่ายบัตรประจำตัวประชาชน

ทุกขั้นตอนการทำมักจะเจอปัญหา ทุกครั้งที่เราพบเจอปัญหา หรือเจอคำถามจากทางราชการที่เราไม่เข้าใจ ที่เราสงสัย เราจะโทรปรึกษา พี่ยุทธชัยกับพี่แหม่ม เพื่อขอคำแนะนำทุกครั้ง เพราะความช่วยเหลือจากพี่ ๆ มูลนิธิกระจกเงา ทำให้เราผ่านปัญหาเหล่านั้นไปได้ด้วยดี

บางครั้งไปติดต่อทางราชการเราโดนต่อว่า ทำให้เรารู้สึกท้อบ้างในบางครั้งที่ต้องติดต่อหน่วยงานราชการ แต่ด้วยการให้คำปรึกษาการให้กำลังใจจากพี่ ๆ มูลนิกระจกเงา ทำให้เรามีกำลังใจพร้อมที่จะเดินหน้าต่อไปให้ประสบผลสำเร็จ

วันนี้ฝันอันยิ่งใหญ่ของเราทั้งสองคนเป็นจริงแล้ว เราได้รับการลงรายการสัญชาติไทยตามาตรา๒๓ เมื่อวันที่ ๘ มกราคม ๒๕๕๗ ที่ผ่านมา เราไม่รู้จะบอกว่าอย่างไร ไม่รู้จะถ่ายทอดความรู้สึกให้ใครต่อใครรับรู้ได้อย่างไรว่าเราดีใจมากมายเพียงใด ดีใจที่เราได้รับความช่วยเหลือจากทางมูลนิธิกระจกเงา

เราขอขอบพระคุณ มูลนิธิกระจกเงาเป็นอย่างสูง ที่ได้ให้ความสำคัญกับปัญหาของเราทั้งสองคน ขอบคุณที่มูลนิธิกระจกเงาไม่เคยทอดทิ้งคนเช่นเรา และส่งทีมงานที่ดีมีความรู้ความสามารถเกี่ยวกับการแก้ปัญหาทางด้านนี้โดยตรง มาแนะนำให้ความปรึกษากับเรา ทำให้ความฝันที่เฝ้ารอมาแสนนานเป็นจริง

ข้าพเจ้าดีใจมาก และรู้สึกตื่นเต้นทุกครั้งที่หยิบบัตรประชาชนขึ้นมาดู บัตรประชาชนของข้าพเจ้าอาจจะมีรูปแบบทุกอย่างเหมือนคนอื่นๆทั่วไป แต่สำหรับความรู้สึกของเราทั้งสองคน บัตรใบนี้มีความแตกต่างทางความรู้สึกเพราะมันเป็นเรื่องพิเศษมากสำหรับเรา เรารอคอยบัตรใบนี้มาทั้งชีวิต บัตรประชาชนของเรามีเรื่องราวชีวิตทั้งทุกข์และสุข อุปสรรคต่างๆที่พบเจอในช่วงชีวิตหนึ่ง มันจะเป็นความทรงจำที่ดี สำหรับเราทั้งสองคน
ณ ตอนนี้ ณ วันนี้ที่เราเป็นคนไทยสมบูรณ์แบบ วันนี้วันที่เรามีบัตรประจำตัวประชาชน มันทำให้เราสุขใจ ภูมิใจ มันมาเติมเต็มความรู้สึกที่เคยเป็นปมด้อยในใจ แต่ตอนนี้เราผ่านช่วงเวลานั้นมาแล้ว นับจากวันนี้มันจะเป็นกำลังใจในการดำเนินชีวิตต่อไปวันข้างหน้า

ขอขอบพระคุณค่ะ

ลำพู & ลำพอง ตาทิพย์

เรียบเรียง : รัชนีวรรณ สุขรัตน์ (๒๗ มกราคม ๒๕๕๗)

Copyright © 2018. All rights reserved.