“อุยกูร์-ตม.คลองลึก” แค่ยอดภูเขาน้ำแข็งขบวนการค้ามนุษย์ชายแดนตะวันออก!

ศูนย์ข่าวภูมิภาค – แกะรอยขบวนการค้ามนุษย์ชายแดนตะวันออก ชี้คำสั่งเด้ง 6 ตม.สระแก้ว (คลองลึก) สังเวยจับ “ยูซูฟู” ชายต้องสงสัยพันบึ้มราชประสงค์ ท่าน้ำสาทร ตอกย้ำปัญหามีอยู่จริง และฝังรากลึกมานาน แถมเคยเกิดเหตุ 17 อุยกูร์แหกห้องกักกัน ตามจับได้แค่ 14 ไร้ร่องรอยอีก 3 พร้อมแฉ “จันทบุรี-สระแก้ว” เส้นทางสำคัญแก๊งค้าคน จ่ายกันทุกระดับ ทุกขั้นตอน

วันนี้ (3 ก.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คำสั่งย้ายด่วนเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง (ตม.) สระแก้ว เกือบยกด่าน หลังมีการควบคุมตัว “ยูซูฟู” ชายชาวต่างชาติต้องสงสัยพัวพันเหตุระเบิดแยกราชประสงค์ และท่าน้ำสาทร กรุงเทพฯ ที่ทำให้มีคนเจ็บ-ตายจำนวนมาก

จนเป็นที่มาของการสั่งย้ายทั้ง พ.ต.อ.ไพรัช พุกเจริญ ผกก.ตม.สระแก้ว พ.ต.ท.เบญจพล รอดสวาสดิ์ รอง ผกก.ตม. พ.ต.ท.ประสิทธิ์ ทองคำ รอง ผกก.ตม. พ.ต.ท.เรืองเดช ธรรมนันท์ พ.ต.ท.ญาณกวี ประวัติภักดี และ พ.ต.ต.นที ทองสุกแก้ว สว.ตม.สระแก้ว ไปปฏิบัติราชการที่ศูนย์ปฏิบัติการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปก.ตร.) จนกว่าจะมีคำสั่งเปลี่ยนแปลง ตั้งแต่วันที่ 1 กันยายนเป็นต้นไป

ว่ากันว่า ปมเงื่อนสำคัญเนื่องจากเจ้าหน้าที่ด่านตรวจคนเข้าเมืองคลองลึก อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว ปล่อยให้ชาวต่างชาติใช้พาสปอร์ตปลอมเดินทางผ่านโดยไม่ได้มีการตรวจสอบให้ละเอียด จนผู้ต้องสงสัยผ่านแดนไปถึงด่าน ตม.ฝั่งกัมพูชา ที่รู้สึกผิดสังเกต และมองว่าหน้าตาคล้ายมือวางระเบิดที่แยกราชประสงค์ จึงได้ประสานกับทางการไทยควบคุมตัวไปสอบสวน

และเมื่อปลายเดือนมีนาคม 2558 ที่ผ่านมา ทางสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ได้ส่งตัวชาวอุยกูร์ที่ถูกจับกุมฐานลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย เข้ากักกันที่สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง กรุงเทพฯ ประมาณ 200 คน โดยแบ่งส่งฝากกักกันที่ห้องกักกัน ตม.สระแก้ว 20 คน และด่าน ตม.ทั่วประเทศอีกจำนวนหนึ่ง

แต่เมื่อวันที่ 29 เม.ย.58 ชาวอุยกูร์ได้ก่อเหตุแหกห้องกักกัน ตม.สระแก้ว หลบหนีออกไป 17 คน เจ้าหน้าที่ ตม.สระแก้ว ออกติดตามจับกุมกลับมาได้ จำนวน 14 คน หลบหนีไปได้ 3 คน เป็นชายล้วน คือ นายอาลี อายุ 26 ปี นายนัลรุลเลาะห์ อายุ 22 ปี และนายบิลาล อายุ 25 ปี

ซึ่งแม้ว่าเจ้าหน้าที่ ตม.จะเข้าแจ้งความไว้ที่ สภ.อรัญประเทศ และศาลจังหวัดสระแก้ว ก็ได้ออกหมายจับบุคคลทั้ง 3 แล้ว แต่จนถึงขณะนี้ก็ยังไม่พบตัว

ประเด็นสำคัญ คือ มีข้อน่าสงสัยว่า ชาวอุยกูร์ที่แหกห้องกักกัน ตม.สระแก้วทั้ง 3 ราย อาจจะเป็นหนึ่งในขบวนการวางระเบิดที่แยกราชประสงค์ซึ่งอยู่ระหว่างการดำเนินการสอบสวนอยู่

กรณีดังกล่าวถือเป็นการตอกย้ำถึงขบวนการค้ามนุษย์ในพื้นที่ชายแดนตะวันออกของไทยที่มีมายาวนาน และฝังรากลึก

เพราะแม้ว่าไทยจะมีกฎหมายป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ กฎหมายที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งมีกลไกความร่วมมือในระดับนานาชาติ ระดับชาติ ระดับภูมิภาค และระดับจังหวัด รวมไปถึงภาคีเครือข่ายอยู่มากมาย แต่ยังคงมีปัญหาการบังคับใช้กฎหมายมาตลอด จนกลายเป็นทั้งประเทศต้นทาง ทางผ่าน ปลายทางของขบวนการค้ามนุษย์ข้ามชาติ

ซึ่งเส้นทางการค้ามนุษย์ที่มีอยู่หลากหลายช่องทางรอบประเทศนั้น เฉพาะฝั่งภาคตะวันออกที่มีภูมิประเทศเป็นพื้นที่ราบติดต่อกับราชอาณาจักรกัมพูชา ทั้งทางบก และทะเล ไม่มีแนวกั้นเขตแดนชัดเจน แตกต่างจากภูมิภาคอื่น ทำให้มีการเดินทางเข้าออกได้ง่าย อีกทั้งภาคตะวันออกยังเป็นพื้นที่อุตสาหกรรม เกษตรกรรม การประมง และการท่องเที่ยว ทำให้เป็นทั้งต้นทาง ทางผ่าน และปลายทางในการค้ามนุษย์

โดยจังหวัดจันทบุรี และสระแก้ว ถือเป็นเส้นทางผ่านของขบวนการค้ามนุษย์ที่สำคัญในภาคตะวันออก เนื่องจากมีเขตพื้นที่ติดต่อกับกัมพูชา มีช่องทางเข้าออกทั้งด่านถาวร และจุดผ่อนปรนชั่วคราว ทำให้ประชาชนทั้งสองประเทศเดินทางข้ามแดนทั้งถูกต้อง และไม่ถูกต้องตามกฎหมายได้สะดวก อันนำมาสู่ปัญหาการค้ามนุษย์ที่ตามมาเป็นลูกโซ่

และนั่นคือ ผลประโยชน์ก้อนโตที่ถูกแบ่งสันปันส่วนไปเกือบทุกหน่วยงานที่มีอำนาจ และกฎหมายเกี่ยวข้องอยู่ในมือ ตั้งแต่ระดับหางยันหัวของหน่วยงาน นำไปสู่การวิ่งเต้นซื้อขายตำแหน่งในพื้นที่ชายแดนถึงหลักห้าล้าน สิบล้านขึ้นไปทั้งสิ้น

ไม่ว่าจะเป็นข้าราชการสีไหนก็ตามแต่ ล้วนแต่มีการวิ่งเต้นเพื่อต้องการไปอยู่พื้นที่ขุมทรัพย์เหล่านี้ด้วยกันทั้งสิ้น

ดังนั้น จึงไม่แปลกที่จะเห็นแรงงานต่างด้าวทะลักเข้ามาในประเทศไทยโดยผิดกฎหมายนับแสนนับล้านคนอย่างง่ายดาย จนกลายเป็นหนึ่งในเงื่อนไขกีดกันทางการค้าที่ส่งผลกระทบต่อการส่งออกของไทยนับแสนล้านบาทในขณะนี้

ขณะที่ “นายหน้าค้ามนุษย์” แม้ว่าจะมีอยู่นับร้อยนับพันสาย ปัจจุบันมีการใช้โลโก้ หรือสัญลักษณ์เฉพาะที่รู้กันในสาย ลักษณะเดียวกันกับ “สติกเกอร์รถบรรทุก” หรือส่วยรถบรรทุกที่โด่งดังในอดีต หากรถขนแรงงานไม่มีสัญลักษณ์เฉพาะดังกล่าว ไม่รอดถึงปลายทางแน่ และแน่นอนเช่นกันว่า โลโก้ หรือสัญลักษณ์ดังกล่าวมีราคาที่นายหน้าต้องจ่ายด้วย

เมื่อ “นายหน้าค้ามนุษย์” เสียเงินปูทางจนสามารถผ่านตลอดมาถึง “นายจ้าง” หรือ “ผู้รับเหมา” ก็จะรับซื้อแรงงานต่างด้าวเหล่านี้ในราคาหัวละ 5,000-20,000 บาท จากนั้นก็จะหักเงินคืนจากค่าแรงของแรงงานต่างด้าวเถื่อนเหล่านี้จนกว่าจะครบค่าหัวที่ซื้อมา

และขณะที่นายจ้าง หรือผู้รับเหมานำแรงงานเถื่อนเข้าไซต์งานใหญ่ๆ ก็ยังต้องจ่ายให้แก่หน่วยงานในพื้นที่นั้นอีกหัวละ 500 บาท ไม่รวมกับที่ต้องจ่ายให้ “ฝูงห่าหรือฝูงนักบิน” อีกไม่ต่ำกว่า 11 หน่วยงาน ที่คอยโฉบหาเหยื่อตามจังหวัดต่างๆ ทั่วทุกภาคของประเทศ

ซึ่งหากนายจ้าง หรือผู้รับเหมาไม่ยอมจ่ายหรือจ่ายไม่ครบ ละเลยหน่วยงานใดหน่วยงานหนึ่งไป หน่วยงานนั้นก็จะยกกำลังเข้าจับกุม ก่อนเจรจากันภายหลัง แน่นอนหากตกลงกันได้ก็จะปล่อยตัวในที่เกิดเหตุ โดย “ฝูงนักบิน” เรียกว่า “จับเตือน ก่อนจับจริง”

ผู้ประกอบการรายหนึ่งในตลาดโรงเกลือ จ.สระแก้ว กล่าวว่า ขบวนการค้ามนุษย์ของเหล่าข้าราชการในพื้นที่นี้มีให้เห็นจนจะเป็นเรื่องปกติไปแล้วต่อการกินกันทุกช่องทางที่สามารถทำได้ ล่าสุด ตนเองก็เพิ่งพบมา อ้างโน่นนี่นั่น แต่บังเอิญเราทำงานสุจริตโปร่งใส่ ไม่เคยทำผิดกฎหมาย แรงงานที่เข้ามาทำงานก็ทำทุกอย่างถูกต้อง จึงไม่จ่าย

สุดท้ายต้องถามกันตรงๆ ว่า ต้องการอะไร มีอะไรให้ช่วยกันบอกกันมาดีกว่า อย่ามาทำแบบนี้ มันทำให้เสียภาพลักษณ์ของข้าราชการดีๆ ที่ยังพอจะมีเหลืออยู่บ้าง!!!

Copyright © 2018. All rights reserved.