“น้องเจมส์” คู่ซ้อมนักดำน้ำถ้ำหลวง ได้บัตรประชาชนไทย

“น้องเจมส์” เด็กน้อยจิตอาสาไร้สัญชาติ คู่ซ้อม “ริก-จอห์น” 2 นักดำน้ำถ้ำหลวง ได้บัตรประชาชนไทยแล้ว หลัง อ.แม่สาย พิจารณาเข้าหลักเกณฑ์ตามคำขอ 3 เงื่อนไข พ่อแม่อยู่ในไทยครบ 15 ปีเกิดและเรียนในประเทศไทย

ย้อนไปในช่วงภารกิจกู้ภัย 13 ชีวิตหมูป่าอะคาเดมี ออกจากถ้ำหลวง – ขุนน้ำนางนอน ขณะนั้นต้องมีเด็กที่มีช่วงวัยส่วนสูงและน้ำหนักใกล้เคียงกันมาเป็นคู่ซ้อมดำน้ำให้กับ 2 นักดำน้ำถ้ำต่างชาติ หนึ่งในเด็กที่อาสาเป็นคู่ซ้อมในครั้งนั้น เป็นเด็กไร้สัญชาติที่ตัวเล็กที่สุด อาศัยอยู่ใน อ.แม่สาย จ.เชียงราย และหลังจากจบภารกิจ ครอบครัวได้ยื่นเรื่องขอสัญชาติให้เด็กน้อยคนนี้ และล่าสุดเขา ได้รับบัตรประจำตัวประชาชนตามหลักเกณฑ์ปกติแล้ว

 

 

“เจมส์” เด็กชาย เกษมสันต์ อิ่นคำ เดินทางมาถ่ายรูปบัตรประจำตัวประชาชน ภายในที่ว่าการอำเภอแม่สาย จ.เชียงราย โดยมีมารดาขี่จักรยานยนต์นำพาลูกชายมาถึงเวลาประมาณ 10.30 น.ซึ่งเป็นกำหนดวันที่ทาง อ.แม่สาย ได้นัดให้มาถ่ายรูปบัตรประจำตัวประชาชนไทยซึ่งครอบครัวนี้ได้ยื่นขอไว้เมื่อวันที่ 14 พ.ย.61 โดยเจ้าหน้าที่ใช้เวลาประมาณ 40 นาที ขั้นตอนยื่นเอกสารและถ่ายบัตรประจำตัวประชาชนจึงเสร็จสิ้น

 

 

ระหว่างนั้นนายสมศักดิ์ คณาคำ นายอำเภอแม่สาย เดินทางกลับมาจากภารกิจราชการที่อื่น ทราบว่า ด.ช.เกษมสันต์ และครอบครัวมาทำบัตรประจำตัวประชาชนจึงได้เชิญไปพูดคุยที่ห้องทำงาน เพราะทราบว่า ด.ช.เกษมสันต์ เป็นหนึ่งในจิตอาสาช่วงภารกิจเตรียมลำเลียง 13 ชีวิตหมูป่าออกจากถ้ำหลวง พร้อมกับให้คำแนะนำสิทธิขั้นพื้นฐานตามที่จะได้จากสวัสดิการแห่งรัฐไทย

 

 

รวมถึงแนะนำว่า จากนี้ไปหากต้องเดินทางออกนอกพื้นที่ไม่จำเป็นต้องทำเรื่องขออนุญาตออกนอกพื้นที่กับผู้ใหญ่บ้านและทางอำเภอแล้ว โดยสามารถเดินทางไปพื้นที่ต่าง ๆ และใช้ชีวิตได้ตามปกติ และขอให้ตั้งใจเรียนเพื่อจะได้เลี้ยงดูพ่อแม่ยามชราในอนาคต เนื่องจากพ่อแม่เป็นผู้ที่มีความตั้งใจอยากให้ลูกชายมีสถานะเป็นคนไทย และได้เคยมาสอบถามเรื่องเอกสารหลักฐานต่าง ๆ เพื่อเตรียมความพร้อมก่อนยื่นคำร้องขอสถานะให้ ด.ช.เกษมสันต์ เมื่อปีที่แล้ว (61)

แม้ว่าน้องเจมส์ เป็นเด็กจิตอาสาในภารกิจถ้ำหลวง แต่การได้สถานะได้บัตรประจำตัวประชาชนไทย เป็นไปตามขั้นตอนการพิจารณาตามปกติของอำเภอแม่สาย และกรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย ไม่ใช่เป็นการได้ด้วยวิธีพิเศษ เพราะตัวน้องเจมส์เองเข้าเงื่อนไขตามหลักเกณฑ์คือ บิดาหรือมารดาอาศัยอยู่ในประเทศไทยเกิน 15 ปี เกิดในประเทศไทย และศึกษาในประเทศไทย ผมไม่ได้บอกอะไรเขามาก แค่ให้เขาเป็นเด็กดี ตั้งใจเรียน โตขึ้นไปจะได้มีวิชาชีพติดตัว เลี้ยงดูพ่อแม่ และรักประเทศไทยเท่านั้นที่สำคัญคือขอให้รักสถาบันพระมหากษัตริย์ไทย

นางเอื้อ นามสาม มารดา ด.ช.เกษมสันต์ เล่าว่า ครอบครัวลุ้นมาตลอดว่าลูกชายจะได้สัญชาติไทยเมื่อใด เพราะทราบดีว่าค่อนข้างยากในการใช้ชีวิตโดยไม่มีบัตรประจำตัวประชาชน ซึ่งพ่อและแม่ขณะนี้ยังไม่มีบัตรประชาชนก็ไม่เป็นไร ขอให้อยากให้ลูกได้เพราะเขายังต้องเติบโตที่เมืองไทยไปอีกนาน ซึ่งทุกวันนี้ครอบครัวใช้ชีวิตเปิดอู่ซ่อมรถและอะไหล่รถจักรยานยนต์อยู่ใน ต.แม่สาย อ.แม่สา

 

วันนี้แม่ดีใจมาก ๆ ดีใจมากจริง ๆ เพราะน้องเจมส์เขาได้สัญชาติไทยแล้ว เราบอกเขาตลอดว่า ลูกต้องเป็นเด็กดี ต้องทำความดี จริงๆ แล้วเขามีใจเป็นเด็กอาสามาตลอด รวมถึงตอนไปช่วยภารกิจถ้ำหลวงเขาก็ไม่ได้คาดหวังอะไร เราอยู่ในไทยกันมานาน แม่มาเจอพ่อน้องเจมส์ ก็ตอนเข้ามาเชียงราย เมื่อเกือบ 20 ปีก่อน ค่อยๆ ทำความรู้จักกัน สร้างครอบครัวที่ประเทศไทย อยู่กันที่แม่สาย จนมีน้องเจมส์ เมื่อวันที่ 5 มิ.ย.2549 เจมส์เกิดที่ไทย เติบโตและเรียนที่แม่สายมาตลอด 

 

ด.ช.เกษมสันต์ ยิ้มให้ผู้สื่อข่าว โดยมีอาการตื่นเต้น และอยู่ไม่นิ่งเป็นระยะ ในช่วงการรอคอยถ่ายรูปทำบัตรประชาชนไทย ด.ช.เกษมสันต์ กล่าวสั้นๆ ว่า ดีใจ จนไม่รู้จะพูดอะไร

วันข้างหน้าชีวิตจะเป็นอย่างไรบ้าง ยังไม่รู้ แต่ที่ผ่านมา ผมเห็นพ่อกับแม่คุยกันเป็นระยะในเรื่องการทำบัตรประชาชนของผม ซึ่งได้ยินเขาคุยกันค่อนข้างเครียด วันนี้ดีใจมากที่ได้บัตรประชาชนแล้ว ผมจะเก็บรักษาไว้เป็นอย่างดี และจำคำที่นายอำเภอสอนและในฐานะพลเมืองไทยและสิทธิต่างๆ ที่ได้รับจากรัฐ

หลังจากรับบัตรประจำตัวประชาชน ด.ช.เกษมสันต์ พร้อมมารดา ได้เดินทางกลับบ้าน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตั้งแต่ปี 2559 จนถึงปัจจุบัน มีผู้ยื่นคำร้องขอสัญชาติไทยเฉพาะที่อำเภอแม่สาย กว่า 34,000 คน ทางอำเภอออกคำร้องให้แล้ว จำนวน 733 คน และอนุมัติให้ถ่ายบัตรประจำตัวประชาชน และรับบัตรแล้วจำนวน 400 คน สำหรับ ด.ช.เกษมสันต์ ปัจจุบันอยู่ชั้น ม.2 เป็นหนึ่งในนักเรียนของโรงเรียนดรุณราษฎร์วิทยา อ.แม่สาย ที่มีใจอาสาเสนอตัวเป็นคู่ซ้อมให้นักดำน้ำถ้ำที่ต้องการช่วยเหลือ 13 ชีวิตให้ออกจากถ้ำหลวง

 

 

ขณะนั้น ด.ช.เกษมสันต์ เป็นหนึ่งใน “Unsung hero” ผู้ปิดทองหลังพระ ที่ทีมข่าว ThaiPBS ตามหามาตั้งแต่เกิดเรื่องเหตุการณ์ถ้ำหลวงใหม่ ๆ ช่วงต้น ก.ค. 2561 ช่วงนั้น มีข่าวว่ามีเด็ก ๆ กลุ่มหนึ่งในโรงเรียนแห่งหนึ่ง ในอ.แม่สาย อาสาเป็นคู่ซ้อมดำน้ำให้กับนักดำน้ำต่างชาติ เพื่อทดลองอุปกรณ์หน้ากากและชุดดำน้ำ wetsuit

 

 

ต่อมาเมื่อ ThaiPBS ผลิตสารคดี “ถ้ำหลวง” การตามหาเด็ก ๆ กลุ่มนี้ จึงเริ่มต้นขึ้นจนได้พบกับ “น้องเจมส์ ” และผองเพื่อนจากโรงเรียนดรุณราษฏร์วิทยา ใน อ.แม่สาย ที่อาสามาเป็นคู่ซ้อมดำน้ำให้กับนักดำน้ำถ้ำต่างชาติ อย่างมิสเตอร์จอห์น โวลันเธน และ มิสเตอร์ริชาร์ด (ริก) สแตนตัน และทีมซีลไทย ซึ่งต้องการเด็กที่มีส่วนสูง น้ำหนัก ไล่เลี่ยกับเด็ก ๆ ในถ้ำ การซ้อมดำน้ำครั้งสุดท้ายเมื่อวันที่ 7 ก.ค.2561 หนึ่งในนั้นมี “น้องเจมส์” ร่วมอยู่ด้วย

 

การเป็นคู่ซ้อมดำน้ำได้จำลองเหตุการณ์กันที่สระว่ายน้ำของโรงเรียน ภารกิจช่วงนั้นปิดลับมาก การซ้อมเพื่อทำให้นักดำน้ำต่างชาติ มั่นใจในอุปกรณ์และวิธีการช่วยเหลือซ้อมกับเด็ก ๆ กลุ่มน้องเจมส์ ซ้อมจนมั่นใจว่า “เอาล่ะ เราพร้อมจะไปช่วยเด็ก ๆ ติดถ้ำแล้ว”

ทางทีมนักดำน้ำจึงแจ้งมาที่ศูนย์กลาง ศอร.ของนายณรงค์ศักดิ์ โอสถธนากร อดีตผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย และนำไปสู่ปฏิบัติการช่วยนำเด็กติดถ้ำและโค้ชเอกออกจากถ้ำ ช่วงวันที่ 8 – 10 ก.ค. 61

 

 

ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่เด็กตัวเล็กจะต้องดำน้ำครั้งแรกในชีวิต โดยมีอุปกรณ์ ถังอากาศของจริง ที่ต้องนำไปช่วยเด็กๆ ติดถ้ำ ” แค่ได้ช่วยก็ดีใจแล้วครับ..ไม่ได้หวังอะไร” น้องเจมส์ กล่าวกับ ThaiPBS แบบนั้น นั่นจึงเป็นจุดเริ่มต้นของจิตอาสาตัวน้อยคนนี้

 

ขอบคุณที่มาของข่าว : https://news.thaipbs.or.th/content/281400

Copyright © 2018. All rights reserved.