กรรมสิทธิฯลงพื้นที่หมู่เกาะสุรินทร์ เร่งแก้ปัญหาชาวมอแกนนับร้อยไร้บัตรประชาชน

พบชาวมอแกนหมู่เกาะสุรินทร์อีกนับร้อยยังไร้บัตรประชาชน กรรมการสิทธิฯ-จังหวัดพังงาจับมือเร่งแก้ไข หวั่นช่วงฤดูมรสุมหลังไฟไหม้ใหญ่ เงินทองสะสมถูกเผาหมด ระดมข้าวสารช่วย

6 มี.ค.62 – ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในช่วงระหว่างวันที่ 28 กุมภาพันธ์ ถึง 2 มีนาคมที่ผ่านมา นางเตือนใจ ดีเทศน์ กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.)และคณะประกอบด้วย นายจำนง จิตรนิรัตน์ กรรมการแก้ไขปัญหาชาวเล นายไมตรี จงไกรจักร ผู้จัดการมูลนิธิชุมชนไท นายวิทวัส เทพสง ผู้ประสานงานเครือข่ายชาวเล ได้เดินทางลงพื้นที่ชุมชนมอแกนหมู่เกาะสุรินทร์ อำเภอคุระบุรี จังหวัดพังงา เพื่อติดตามกรณีไฟไหม้หมู่บ้านมอแกนเมื่อวันที่ 3 กุมภาพันธ์ ซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างการสร้างบ้านหลังใหม่แต่ยังไม่แล้วเสร็จ

ก่อนลงพื้นที่นางเตือนใจได้เข้าหารือกับนายศิริพัฒ พัฒกุล ผู้ว่าราชการจังหวัดพังงา โดยนายศิริพัฒ กล่าวว่า ขณะนี้กำลังเร่งฟื้นฟูและเยียวยาชาวบ้านโดยเร่งสร้างบ้านหลังใหม่ซึ่งแข็งแรงมั่นคงกว่าบ้านหลังเดิม รวมทั้งดูแลเรื่องการศึกษาและสาธารณสุขโดยมีเจ้าหน้าที่เข้าไปดูแลทุกวัน ส่วนในเรื่องอาชีพก็ไม่น่าเป็นห่วงเพราะชาวมอแกนส่วนใหญ่ทำงานอยู่กับอุทยานฯอยู่แล้ว

“การเพิ่มพื้นที่ให้ขยายไปที่อื่นทำไม่ได้ เพราะหากร้องขอให้ขยายไปเรื่อยๆจะทำอย่างไร พื้นที่นี้เป็นเขตอุทยานฯ ตอนนี้กำลังเดินหน้าช่วยเหลือในเรื่องสัญชาติสำหรับคนที่ยังไม่มีบัตรประชาชน เรากำลังตรวจสอบเอกสารหลักฐานกันอยู่ แต่ที่น่าเป็นห่วงคือบริเวณนี้ติดกับน่านน้ำพม่า ทำให้มีชาวมอแกนข้ามกันไปมา เราต้องพิจารณาว่าจะทำอย่างไร”นายศิริพัฒ กล่าว

ทั้งนี้ คณะของนางเตือนใจได้ลงพื้นที่ชุมชนมอแกนที่ไฟไหม้โดยชาวบ้านส่วนใหญ่ยังอาศัยอยู่ในเต็นท์ ขณะที่บางส่วนย้ายไปนอนใต้ถุนบ้านที่ยังสร้างไม่เสร็จซึ่งมีสาเหตุมาจากใบจากที่นำมาใช้มุงหลังคาขาดแคลนและกำลังสั่งซื้อจากนอกพื้นที่อย่างเร่งด่วน

นายพุทธพจน์ คูประสิทธิ์ หัวหน้าอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสุรินทร์ กล่าวว่าการสร้างบ้านใกล้เสร็จโดยไม่น่าจะเกินสิ้นเดือนมีนาคม อย่างไรก็ตามตอนนี้ข้าวของบริจาคที่ได้รับความช่วยเหลือในด้านอื่นๆมีมากเกินไปหรือไม่ เป็นเรื่องน่าพิจารณาเพราะมอแกนบางคนต้องใช้เต็นท์ 2 หลังในการเก็บข้าวของและทุกคนต่างก็มีอาชีพ ส่วนในช่วงฤดูมรสุมที่กำลังจะมาถึงก็ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงเพราะทุกคนต่างเตรียมอุปกรณ์หาปลาและสัตว์น้ำแบบง่ายๆ เช่น เบ็ด ฉมวงยิงปลา

นางเตือนใจ ให้สัมภาษณ์ภายหลังลงพื้นที่ว่า จุดประสงค์ในการเดินทางลงพื้นที่ครั้งนี้เพื่อติดตามดูสถานการณ์หลังจากเกิดไฟไหม้หมู่บ้านซึ่งพบว่าไม่มีอะไรน่าเป็นกังวลเนื่องจากทุกฝ่ายได้ร่วมมือกันจนดำเนินการคืบหน้าไปได้มากโดยเฉพาะเรื่องการสร้างบ้าน และได้มีการแก้ไขแบบให้บ้านกว้างขวางขึ้นตามข้อเสนอของขบวนประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม (พีมูฟ) และอาจมีการต่อเติมในอนาคตตามความจำเป็นของแต่ละครอบครัว

 

แหล่งที่มา : https://www.thaipost.net/main/detail/30660

Copyright © 2018. All rights reserved.