เมื่อวันที่ 28 สิงหาคม 2556 ที่ผ่านมา เครือข่ายโครงการคุ้มครองเด็กไร้รัฐไร้สัญชาติ ร่วมกับ องค์กร plan international ร่วมกันจัดเวทีสาธารณะจังหวัดเชียงราย ประเด็น “ เด็กกับความหวังการได้เป็นคนถูกกฏหมายและได้สัญชาติไทย ตามมาตรา 7 ทวิ วรรคสอง และ 7 ทวิวรรคสาม แห่ง พรบ. สัญชาติ ฉบับที่ 4 ปี 2551” ที่ห้องประชุม องค์การบริหารส่วนตำบลเทอดไทย อำเภอแม่ฟ้าหลวง จังหวัดเชียงราย โดยมี นายวรญาณ บุญณราช นายอำเภอแม่ฟ้าหลวง ได้ให้เกียรติ เป็นประธานเปิดงาน และร่วมเวทีพูดคุยประเด็นปัญหากับผู้เข้ารับการอบรมในครั้งนี้
ผู้เข้าร่วมการอบรมประกอบด้วย นายอำเภอแม่ฟ้าหลวง นายกองค์การบริหารส่วนตำบลเทิดไทย กลุ่มแกนนำชาวบ้านที่ยังไม่ได้รับสัญชาติไทย กลุ่มแกนนำชาวบ้านที่ยื่นคำร้องขออนุมัติสัญชาติไทย และอยู่ระหว่างการรออนุมัติคำร้อง กลุ่มผู้นำชุมชนหมู่บ้านในตำบลเทอดไทย อำเภอแม่ฟ้าหลวง จังหวัดเชียงราย เจ้าหน้าที่ อาสาสมัครองค์กรพัฒนาเอกชน รวม 80 คน
วัตถุประสงค์การจัดอบรม เพื่ออบรมให้แนวทางการแก้ไขปัญหาสถานะบุคคลของอำเภอแม่ฟ้าหลวงและแนวทางการร่วมมือกับเครือข่ายทุกภาคส่วนตามประกาศ กระทรวงมหาดไทย เรื่องการดำเนินการยื่นคำร้อง ขอสถานะต่างด้าวและตามมาตรา 7 ทวิวรรคสอง และให้เห็นภาพรวมการทำงานเครือข่ายองค์กรพัฒนาเอกชนในการแก้ไขปัญหาด้านสิทธิและสถานะบุคคลของคนไร้รัฐ ไร้สัญชาติจังหวัดเชียงราย รวมถึงสถานการณ์ปัญหาของคนไร้รัฐ ไร้สัญชาติ และนโยบายรัฐไทยในการแก้ปัญหา อบรมให้ความรู้ความเข้าใจขั้นตอนและกระบวนการในการยื่นคำร้อง ตามมาตรา 7 ทวิวรรค 2 และกระบวนการขอสถานะต่างด้าวเข้าเมืองชอบด้วยกฎหมาย
ชาวบ้านที่เข้ารับการอบรมมีความกระตือรือร้นในการซักถามข้อสงสัยจากประเด็นปัญหาที่ตัวเองประสพ พบเจอ สรุปข้อสงสัยได้ 3 ประเด็นปัญหา ในช่วงเช้าที่ผู้เข้ารับการอบรมให้ความสนใจ ในเวทีซักถามปัญหาประเด็นความสงสัย ซึ่งมีนายอำเภอแม่ฟ้าหลวงร่วมเวทีพูดคุย และช่วยคลี่คลายประเด็นข้อสงสัยให้ผู้เข้ารับการอบรมในประเด็นปัญหาและการหาทางออกของปัญหา
ปัญหาการเดินทางออกนอกพื้นที่ของชาวบ้านแล้วโดนจับ เพราะไม่มีหนังสือขออนุญาตออกนอกพื้นที่และข้อเสนอของแกนนำชาวบ้านที่เข้าร่วมอบรม ขอให้ทางเจ้าหน้าที่ของรัฐทั้ง 3 อำเภอ (แม่สาย,แม่จัน,แม่ฟ้าหลวง) พูดคุยปรึกษาหารือถึงข้อปัญหานี้ที่ชาวบ้านกำลังประสพ
กลุ่มคนที่ถูกจำหน่าย และขอคืนเลข 13 หลัก และระยะเวลาในการดำเนินการแต่ละคำร้องในการยื่นขอสถานะบุคคล
ขั้นตอนและระยะเวลาในการดำเนินการของทางภาครัฐ (อำเภอ) และการผสานความร่วมมือระหว่างอำเภอและองค์กรพัฒนาเอกชน
การทำงานร่วมกันระหว่างอำเภอและองค์กรพัฒนาเอกชน ทางอำเภอเห็นชอบด้วยและใช้กลไกความร่วมมือในการทำงานร่วมกัน ซึ่งแนวทางที่องค์เอกชนสามารถเข้าไปช่วยได้เลย คือการช่วยเตรียมเอกสารของชาวบ้านให้พร้อมก่อนยื่นให้ทางอำเภอพิจารณา จะเป็นลดขั้นตอนการทำงานให้รวดเร็วขึ้น
ในส่วนข้อเสนอที่ทาง องค์กรพัฒนาเอกชนและแกนนำชุมชน เสนอให้ทางอำเภอจัดทำห้องทะเบียนเคลื่อนที่ เพื่อมารับคำร้องของชาวบ้านนอกสถานที่ที่รถสามารถเข้าถึง เพื่ออำนวยความสะดวกให้ชาวบ้านโดยเฉพาะกลุ่มเด็ก คนชรา และ ผู้พิการ ที่เข้าเกณฑ์ 7 ทวิวรรคสอง และกลุ่มที่เข้าเกณฑ์พิจารณาตามมาตรา 43 ในส่วนของข้อเสนอนี้ยังไม่ได้รับคำตอบยืนยันแน่ชัด
การอบรมในครั้งนี้มีทิศทางดีในการทำงานร่วมกันระหว่างภาครัฐ (อำเภอ) – องค์กรพัฒนาเอกชน – ผู้นำชุมชน – ชาวบ้าน ประเมินจาก ความสนใจเข้าร่วมกิจกรรมของคนระดับผู้นำชุมชนที่ให้ความสนใจเข้าร่วมกิจกรรมตลอดทั้งวัน ซึ่งเป็นเรื่องที่ดีที่ผู้นำชุมชนให้ความใส่ใจต่อปัญหาของคนในชุมชน และเป็นการดีที่เวทีอบรมนี้ได้มีการปรึกษาหาแนวทางแก้ไขปัญหาร่วมกัน
ในส่วนของการทำงานขององค์กรพัฒนาเอกชนจะช่วยผลักดันให้ทางฝ่ายสำนักทะเบียนราษฎร ออกมารับคำร้องนอกสถานที่ แม้จะยังไม่ได้รับการตอบรับแต่ก็มีนิมิตรหมายที่ดี ช่วงเวลาต่อจากนี้ให้ชาวบ้านเตรียมเอกสารของตัวเองให้พร้อม เพื่อความสะดวกรวดเร็วในการยื่นเสนอพิจารณา เป็นลำดับต่อไป
รัชนีวรรณ สุขรัตน์ รายงาน