สารจากผู้สูญเสียที่ทำกินสู่ข้อเสนอ คสช. ถึงเวลาชุมชนทวงสิทธิ์พิทักษ์ป่า
เสียงสวดมนต์ก้องป่าลึกในบ้าน “แม่ป่าเส้า” อำเภอเชียงดาว จังหวัดเชียงใหม่ เมื่อครั้งโครงการสื่อสารสุขภาวะชุมชนชายขอบนำสื่อมวลชนลงพื้นที่บวชป่าร่วมกับชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบจากแผนแม่บททวงคืนผืนป่า ยุคคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ดั่งเสื้อเกราะบาง ที่ชาวบ้านรู้ว่าไม่อาจป้องกันชีวิตและทรัพยากรได้ทั้งหมด แต่ก็ยังต้องทำตามจารีต ประเพณีด้วยหวังสิ่งศักดิ์สิทธิจะสนองตอบต่อความรักและความผูกพันระหว่างชาวบ้านและผืนป่าบ้าง หลังจากหลายหมู่บ้านเผชิญชะตากรรมเสียผืนนา ผืนไร่ให้กับแผนพัฒนาของรัฐบาล อาทิ แปลงปลูกยางอายุนับ 10 ปี และนาข้าวที่ทำกินมานานกว่า 15 ปี เคราะห์ร้ายดังกล่าวส่งให้ชาวบ้านเกิดน้อยเนื้อต่ำใจในความเป็นชนชั้นกสิกร แต่มีทางเลือกต่อสู้เพื่อสิทธิดังกล่าวไม่มากนัก ภายหลังจากร้องเรียนกรรมการสิทธิมนุษยชน (กสม.) แล้ว ชาวบ้านจึงเลือกรวมตัวกันเพื่อแลกเปลี่ยนสภาพปัญหา เสร็จสิ้นพิธีบวชป่า ชาวบ้านร่วมวงเสวนา “การจัดการทรัพยากรป่าในมุมมองที่หลากหลาย” หนึ่งในสมาชิกร่วมเสวนาสะท้อนผกระทบจากแผนแม่บท มีนางอามีมะ เลายี่ปา ชาวบ้านห้วยหก ตำบลเมืองแหง อำเภอเวียงแหง จังหวัดเชียงใหม่ เป็นตัวแทนชาติพันธุ์ลีซอ ที่ทนทุกข์อย่างหนักเมื่อครั้งเธอกลับมาจากรับจ้างทำสวนข้างนอกพบว่า แปลงปลูกข้าวกว่า 5 ไร่ถูกเจ้าหน้าที่เข้าทำลายข้าวและข้าซโพดพร้อมปักป้ายยึดคืนพื้นที่ โดยไม่มีการเข้ามาพูดคุยหรือแจ้งเตือนกับชาวบ้านอย่างเป็นทางการ อามีมะ ย้อนความด้วยน้ำตาว่า เธอมีพื้นที่ทำกินมาหลายสิบปี ทำนาปลูกข้าวและปลูกพืชอย่างอื่นเพื่อหาเลี้ยงครอบครัว 12 คนรายได้อยู่ที่ประมาณปีละ 30,000 บาท แต่ภายหลังการยึดพื้นที่ เธอไม่สามารถจินตนาการได้ว่า รายได้ที่เหลือจะเป็นเท่าไหร่ต่อปี แต่รู้ว่าลำบากลงทุกวัน “ลูกยังเรียนอยู่ […]